ข่องเขาจากพม่าเข้าด่านเจดีย์สามองค์
ด่านเจดีย์สามองค์ มีบทบาทสำคัญในการสงครามสมัยอยุธยา จนเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าเป็นช่องทางที่พม่าใช้ยกทัพเข้ามาสู้รบกับกรุงศรีอยุธยา อาทิตย์นี้จึงได้ตามรอยไปที่ชายแดนด้านตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่ของอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีตั้งอยู่บริเวณที่ลำน้ำสามสายมาบรรจบกันคือ ห้วยซองกะเลีย ห้วยบีคลี่ และห้วยรันตี รวมเรียกว่า“สามประสบ” แล้วไหลรวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อยถิ่นที่ชนชาติมอญตั้งบ้านเรือนอยู่เมื่อพ.ศ.๒๔๙๔ นั้น มีหลวงพ่ออุตตมะ สร้างวัดและเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวมอญอยู่ที่บ้านวังกะ ตำบลหนองลู ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งที่หลายคนนิยมเดินทางไปชมสะพานยาวที่สร้างด้วยไม้จากศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะและโบสถ์วัดวังก์วิเวการามที่จมน้ำหลังจากมีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) เมื่อพ.ศ.๒๕๒๗ ซึ่งมีประเพณีวิถีชีวิตของชาวมอญและกะเหรี่ยง
ดินแดนแนวตะวันตกแห่งนี้มีตลาดชายแดนของประเทศเมียนมาร์คือ ตลาดพญาตองซู เป็นชุมชนพม่า-มอญ-กะเหรี่ยง ที่เชื่อมแดนกับประเทศไทยโดยใช้ด่านเจดีย์สามองค์เป็นเส้นทางเข้า-ออกเช่นเดียวกับเส้นทางเดินทัพในสมัยอยุธยา โดยมีสังขละบุรีเป็นเมืองหน้าด่านเฝ้าระวังช่องทางติดต่อระหว่างไทยกับพม่า สถานที่แห่งนี้มีลักษณะเป็นช่องเขาของเทือกเขาตะนาวศรีโดยมีด่านเจดีย์สามองค์เป็นเหมือนประตูเข้า-ออกที่พม่าเคยใช้เป็นเส้นทางเดินทัพและเป็นเส้นทางอพยพของชนกลุ่มชาติต่างๆ ทั้งมอญและกะเหรี่ยง ฯลฯ เข้ามาในดินแดนไทย หากย้อนประวัติศาสตร์ไปในยุคทวารวดีก็ปรากฏว่า ได้มีการตั้งชุมชนอยู่ที่ริมห้วยแก่งคะยือ บ้านวังปะโท่ ตำบลรังเผล มาก่อนแล้ว ต่อมาสมัยอยุธยานั้น พม่ามีอำนาจมากขึ้นในแถบลุ่มน้ำอิระวดีและลุ่มน้ำสาละวิน จึงรุกรานชนชาติมอญ กะเหรี่ยง จนชนชาติเหล่านั้นได้พากันอพยพเข้าสู่ดินแดนไทยทางด้านด่านพระเจดีย์สามองค์เดิมน่าจะเรียกในชื่ออื่นซึ่งขณะนั้นพื้นที่เมืองกาญจนบุรีถือว่าเป็นเมืองสำคัญที่มีเมืองด่านตั้งอยู่ ๘ เมือง คือ ๑.เมืองสิงห์ ๒.เมืองลุ่มสุ่ม ๓.เมืองท่าตะกั่ว ๔.เมืองไทรโยค คือ เมืองกาญจนบุรีเก่าสมัยอยุธยา ๕.เมืองทองผาภูมิ ๖.เมืองท่าขนุน คือสังขละบุรี ๗.เมืองท่ากระดาน ๘.เมืองศรีสวัสดิ์ สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้น เมืองด่านทั้ง ๘ เมืองนี้มีความสำคัญในการป้องกันการรุกรานจากพม่า ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พ.ศ.๒๓๖๙ นั้น ได้ยกเมืองท่าขนุนขึ้นเป็นเมืองสังขละบุรี ตั้งผู้นำกะเหรี่ยงขึ้นเป็นเจ้าเมือง พระราชทานนามว่า “พระศรีสุวรรณคีรี” มีทายาทครองเมืองสังขละบุรีสืบทอดตำแหน่งต่อมา ๔ คน คือพระศรีสุวรรณคีรีที่ ๑ (ทะเวียโผ่) พระศรีสุวรรณคีรีที่ ๒ (กรอเมาะจะ) พระศรีสุวรรณคีรีที่ ๓ (ปวยดงภู)พระศรีสุวรรณคีรีที่ ๔ (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์) ภายหลังเมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่าเมื่อพ.ศ.๒๔๒๘ แล้ว สงครามระหว่างไทยกับพม่าจึงยุติลง ต่อมาพ.ศ.๒๔๓๓ จึงมีการสำรวจเขตแดนด้านนี้ร่วมกันกับอังกฤษจนมีการปักปันเขตแดนด้านพม่าร่วมกัน ตั้งแต่ด่านพระเจดีย์สามองค์ขึ้นไปตลอดแนวของเมืองสังขละบุรีเมื่อพ.ศ.๒๔๓๕-๓๗ สมัยหลังได้มีการตั้งอำเภอวังกะแทนสังขละบุรี เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๘ และกลับมายุบอำเภอวังกะเป็นสังขละบุรีตามเดิมในพ.ศ.๒๔๘๒ปัจจุบันนี้กาญจนบุรีมีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศพม่าอยู่ ๔ อำเภอ คือ อำเภอเมืองกาญจนบุรี คืออำเภอปากแพรก อำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทรโยค และอำเภอสังขละบุรี เฉพาะอำเภอสังขละบุรีหรือท่าขนุนเดิมนั้น มีแนวชายแดนติดกับพม่าที่ยาวถึง ๑๗๐ กิโลเมตร และมีพื้นที่ ๓,๓๕๐ ตารางกิโลเมตร หรือ ๒,๐๐๐,๐๐๐ ไร่ ซึ่งมากที่สุดกว่าอำเภออื่นๆ ด้วยพื้นที่ทั้งหมดเมื่อรวมกัน ๑๓ อำเภอ แล้วมีประมาณ ๑๙,๔๘๓.๒ ตารางกิโลเมตร
สำหรับช่องทางเทือกเขาตะนาวศรีที่ใช้เข้า-ออกระหว่างชายแดนสองประเทศนั้น เล่ากันว่าเดิมนั้นตั้งหลักไม้ ๓ หลักเป็นเครื่องหมาย ต่อมาได้มีการนำก้อนอิฐก้อนหินมาวางสุมรอบเสาไม้นั้นกันล้ม จึงมีความเชื่อว่าหากนำก้อนหินมาวางแล้วจะช่วยให้มีอายุยั่งยืนมั่นคงเช่นเดียวกับการใช้ไม้ไปค้ำต้นไม้ใหญ่ ในไม่ช้าก้อนหินรอบเสาไม้ก็มีมากขึ้นจนกลายเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ในที่สุดเมื่อพ.ศ.๒๔๓๒ พระศรีสุวรรณคีรี ที่ ๔ (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์) ได้นำประชาชนมาร่วมกันสร้างองค์พระเจดีย์สามองค์ขึ้นใหม่ให้ถาวร ทำให้ด่านแห่งนี้เรียกกันว่า ด่านเจดีย์สามองค์ และก่อนนั้นน่าจะมีการเรียกชื่อด่านนี้เป็นอย่างอื่นมาก่อน
เจดีย์สามองค์ที่สร้างขึ้นตรงด่านไทย-เมียนมาร์
เจดีย์ศิลปะพม่าที่ตลาดพญาตองซู
พระสยามเทวาธิราชที่ด่านเจดีย์สามองค์
ชุมชนชายแดนระหว่างไทย-พม่า
สะพานไม้เชื่อมชุมชนมอญกับสังขละบุรี
สามประสบจากแม่น้ำสามสาย
ใส่บาตรเช้าของชาวมอญที่สังขละบุรี
ตลาดของชาวมอญปัจจุบัน
ลูกประคำไม้-ศรัทธาของคนชายขอบ
สุดแดนตะวันตกที่ด่านเจดีย์สามองค์
ร่องรอยป้อมก่ออิฐฝั่งพม่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี