วันพฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : ‘ด่านเจดีย์สามองค์’ ภูมิสถานเมืองด่านด้านตะวันตก

ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : ‘ด่านเจดีย์สามองค์’ ภูมิสถานเมืองด่านด้านตะวันตก

วันอาทิตย์ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558, 06.00 น.
Tag :
  •  

ข่องเขาจากพม่าเข้าด่านเจดีย์สามองค์

ด่านเจดีย์สามองค์ มีบทบาทสำคัญในการสงครามสมัยอยุธยา จนเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าเป็นช่องทางที่พม่าใช้ยกทัพเข้ามาสู้รบกับกรุงศรีอยุธยา อาทิตย์นี้จึงได้ตามรอยไปที่ชายแดนด้านตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่ของอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีตั้งอยู่บริเวณที่ลำน้ำสามสายมาบรรจบกันคือ ห้วยซองกะเลีย ห้วยบีคลี่ และห้วยรันตี รวมเรียกว่า“สามประสบ” แล้วไหลรวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อยถิ่นที่ชนชาติมอญตั้งบ้านเรือนอยู่เมื่อพ.ศ.๒๔๙๔ นั้น มีหลวงพ่ออุตตมะ สร้างวัดและเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวมอญอยู่ที่บ้านวังกะ ตำบลหนองลู ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งที่หลายคนนิยมเดินทางไปชมสะพานยาวที่สร้างด้วยไม้จากศรัทธาหลวงพ่ออุตตมะและโบสถ์วัดวังก์วิเวการามที่จมน้ำหลังจากมีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) เมื่อพ.ศ.๒๕๒๗ ซึ่งมีประเพณีวิถีชีวิตของชาวมอญและกะเหรี่ยง

ดินแดนแนวตะวันตกแห่งนี้มีตลาดชายแดนของประเทศเมียนมาร์คือ ตลาดพญาตองซู เป็นชุมชนพม่า-มอญ-กะเหรี่ยง ที่เชื่อมแดนกับประเทศไทยโดยใช้ด่านเจดีย์สามองค์เป็นเส้นทางเข้า-ออกเช่นเดียวกับเส้นทางเดินทัพในสมัยอยุธยา โดยมีสังขละบุรีเป็นเมืองหน้าด่านเฝ้าระวังช่องทางติดต่อระหว่างไทยกับพม่า สถานที่แห่งนี้มีลักษณะเป็นช่องเขาของเทือกเขาตะนาวศรีโดยมีด่านเจดีย์สามองค์เป็นเหมือนประตูเข้า-ออกที่พม่าเคยใช้เป็นเส้นทางเดินทัพและเป็นเส้นทางอพยพของชนกลุ่มชาติต่างๆ ทั้งมอญและกะเหรี่ยง ฯลฯ เข้ามาในดินแดนไทย หากย้อนประวัติศาสตร์ไปในยุคทวารวดีก็ปรากฏว่า ได้มีการตั้งชุมชนอยู่ที่ริมห้วยแก่งคะยือ บ้านวังปะโท่ ตำบลรังเผล มาก่อนแล้ว ต่อมาสมัยอยุธยานั้น พม่ามีอำนาจมากขึ้นในแถบลุ่มน้ำอิระวดีและลุ่มน้ำสาละวิน จึงรุกรานชนชาติมอญ กะเหรี่ยง จนชนชาติเหล่านั้นได้พากันอพยพเข้าสู่ดินแดนไทยทางด้านด่านพระเจดีย์สามองค์เดิมน่าจะเรียกในชื่ออื่นซึ่งขณะนั้นพื้นที่เมืองกาญจนบุรีถือว่าเป็นเมืองสำคัญที่มีเมืองด่านตั้งอยู่ ๘ เมือง คือ ๑.เมืองสิงห์ ๒.เมืองลุ่มสุ่ม ๓.เมืองท่าตะกั่ว ๔.เมืองไทรโยค คือ เมืองกาญจนบุรีเก่าสมัยอยุธยา ๕.เมืองทองผาภูมิ ๖.เมืองท่าขนุน คือสังขละบุรี ๗.เมืองท่ากระดาน ๘.เมืองศรีสวัสดิ์ สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้น เมืองด่านทั้ง ๘ เมืองนี้มีความสำคัญในการป้องกันการรุกรานจากพม่า ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พ.ศ.๒๓๖๙ นั้น ได้ยกเมืองท่าขนุนขึ้นเป็นเมืองสังขละบุรี ตั้งผู้นำกะเหรี่ยงขึ้นเป็นเจ้าเมือง พระราชทานนามว่า “พระศรีสุวรรณคีรี” มีทายาทครองเมืองสังขละบุรีสืบทอดตำแหน่งต่อมา ๔ คน คือพระศรีสุวรรณคีรีที่ ๑ (ทะเวียโผ่) พระศรีสุวรรณคีรีที่ ๒ (กรอเมาะจะ) พระศรีสุวรรณคีรีที่ ๓ (ปวยดงภู)พระศรีสุวรรณคีรีที่ ๔ (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์) ภายหลังเมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่าเมื่อพ.ศ.๒๔๒๘ แล้ว สงครามระหว่างไทยกับพม่าจึงยุติลง ต่อมาพ.ศ.๒๔๓๓ จึงมีการสำรวจเขตแดนด้านนี้ร่วมกันกับอังกฤษจนมีการปักปันเขตแดนด้านพม่าร่วมกัน ตั้งแต่ด่านพระเจดีย์สามองค์ขึ้นไปตลอดแนวของเมืองสังขละบุรีเมื่อพ.ศ.๒๔๓๕-๓๗ สมัยหลังได้มีการตั้งอำเภอวังกะแทนสังขละบุรี เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๘ และกลับมายุบอำเภอวังกะเป็นสังขละบุรีตามเดิมในพ.ศ.๒๔๘๒ปัจจุบันนี้กาญจนบุรีมีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศพม่าอยู่ ๔ อำเภอ คือ อำเภอเมืองกาญจนบุรี คืออำเภอปากแพรก  อำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทรโยค และอำเภอสังขละบุรี เฉพาะอำเภอสังขละบุรีหรือท่าขนุนเดิมนั้น มีแนวชายแดนติดกับพม่าที่ยาวถึง ๑๗๐ กิโลเมตร และมีพื้นที่ ๓,๓๕๐ ตารางกิโลเมตร หรือ ๒,๐๐๐,๐๐๐ ไร่  ซึ่งมากที่สุดกว่าอำเภออื่นๆ ด้วยพื้นที่ทั้งหมดเมื่อรวมกัน ๑๓ อำเภอ แล้วมีประมาณ ๑๙,๔๘๓.๒ ตารางกิโลเมตร

        สำหรับช่องทางเทือกเขาตะนาวศรีที่ใช้เข้า-ออกระหว่างชายแดนสองประเทศนั้น เล่ากันว่าเดิมนั้นตั้งหลักไม้ ๓ หลักเป็นเครื่องหมาย ต่อมาได้มีการนำก้อนอิฐก้อนหินมาวางสุมรอบเสาไม้นั้นกันล้ม จึงมีความเชื่อว่าหากนำก้อนหินมาวางแล้วจะช่วยให้มีอายุยั่งยืนมั่นคงเช่นเดียวกับการใช้ไม้ไปค้ำต้นไม้ใหญ่ ในไม่ช้าก้อนหินรอบเสาไม้ก็มีมากขึ้นจนกลายเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ในที่สุดเมื่อพ.ศ.๒๔๓๒ พระศรีสุวรรณคีรี ที่ ๔ (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์) ได้นำประชาชนมาร่วมกันสร้างองค์พระเจดีย์สามองค์ขึ้นใหม่ให้ถาวร ทำให้ด่านแห่งนี้เรียกกันว่า ด่านเจดีย์สามองค์  และก่อนนั้นน่าจะมีการเรียกชื่อด่านนี้เป็นอย่างอื่นมาก่อน 


เจดีย์สามองค์ที่สร้างขึ้นตรงด่านไทย-เมียนมาร์


เจดีย์ศิลปะพม่าที่ตลาดพญาตองซู


พระสยามเทวาธิราชที่ด่านเจดีย์สามองค์


ชุมชนชายแดนระหว่างไทย-พม่า


สะพานไม้เชื่อมชุมชนมอญกับสังขละบุรี


สามประสบจากแม่น้ำสามสาย


ใส่บาตรเช้าของชาวมอญที่สังขละบุรี


ตลาดของชาวมอญปัจจุบัน


ลูกประคำไม้-ศรัทธาของคนชายขอบ


สุดแดนตะวันตกที่ด่านเจดีย์สามองค์


ร่องรอยป้อมก่ออิฐฝั่งพม่า


เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

พิพิธภัณฑ์เด็กกทม.1 จตุจักร ชวนมาเป็นนักสำรวจตัวจิ๋ว สัปดาห์วิทยาศาสตร์ 12-17 ส.ค.นี้

‘ภูมิธรรม’มอบนโยบายมหาดไทย ลั่นไม่ได้ข่มขู่-อำนาจบาตรใหญ่ แต่มีแกะดำมาเป็นราชการ​

ไม่ใช่ความผิดรัฐบาล! ‘ธีรรัตน์’โยนบาปเป็นความผิดพลาดของ‘จ.อุบลราชธานี’

ยังไม่ย้าย! บุรีรัมย์ยันใช้สนามเดิมแข่งทั้งฤดูกาล

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved