สเปน เมืองที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้จักดีว่าเป็นเมืองของนักสู้วัวกระทิง และเป็นเมืองที่มีระบำฟลาเมงโก้สวยงามที่สุด แต่บางคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าสเปนเคยเป็นมหาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มาก่อนของโลกในยุคหลายร้อยปีที่ผ่านมา และก็คงเลือนๆ ไปแล้วว่า สเปน คืออาณาจักรที่ถูกเรียกว่าพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน และที่สำคัญอีกอย่างคือกษัตริย์สเปนในยุคโบราณคือผู้ทรงสนับสนุนให้คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ออกเดินทางสำรวจโลกจนได้พบดินแดนอเมริกา (ซึ่งในตอนแรกโคลัมบัสเข้าใจว่าคืออินเดีย)

ตะลอนเที่ยวสัปดาห์นี้จะพาคุณไปเที่ยวแคว้นทางตอนใต้ของสเปน คือ อัลดาลูเซีย โดยจะพาคุณไปชมความงดงามตระการตาของเมืองกรานาดา (Granada) ซึ่งเดิมคืออาณาจักรของกษัตริย์มุสลิม พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 1 อิบน์ นัสร์ ราชวงศ์นาสริต ราชวงศ์สุดท้ายของกษัตรย์มุสลิมในสเปน ซึ่งคนไทยเรียกว่าแขกมัวร์ (Moors, Medieval Muslim)

สถานที่ที่เราจะพาคุณๆ ไปเที่ยวชมในวันนี้คือพระราชวังอัลฮัมบรา (Alhambra) ซึ่งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาเซียร์ราเนวาดา จุดที่แม่น้ำดาร์โรและเฮนิลไหลมาบรรจบกัน พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13-14(ค.ศ. 1248-1354) หรือประมาณยุคกรุงสุโขทัยของเรา

วังแห่งนี้มีสีแดง เนื่องจากป้อมปราการสร้างด้วยหิน และอิฐซึ่งดูแล้วมีสีแดง จึงใช้ชื่อว่าอัลฮัมบรา ภาษาอารบิก คืออัลคอมรอ แปลว่า สิ่งซึ่งมีสีแดง ความโดดเด่นของพระราชวังนี้คือสถาปัตยกรรมแขกมัวร์ที่มีความละเอียดวิจิตรบรรจง ไม่ว่าจะผนัง เสาซุ้มโค้งประตู พื้น จนกระทั่งถึงเพดาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรสนิยมชั้นสูงของกษัตริย์ และฝีมือที่เยี่ยมยอดของช่างในยุคนั้น นอกจากสถาปัตยกรรมของตัวพระราชวังแล้ว สิ่งที่น่าสนใจมากอีกอย่างคือพระราชอุทยานที่งดงามมาก อย่าลืมว่าพระราชวังนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงแต่สามารถมีอุทยานที่งดงามได้ นั่นก็หมายถึงต้องมีระบบชลประทานที่ดีเยี่ยมด้วย มิฉะนั้นจะไม่สามารถนำขึ้นไปบนเนินเขาได้อย่างแน่นอน

ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18-19 วังแห่งนี้ถูกทิ้งร้างจนเสื่อมโทรม คนจรจัดเข้าไปอาศัย และยังมีพวกลักขโมยโบราณวัตถุเข้าไปทำลายอีกด้วย พระราชวังที่เคยงดงามจึงเสียหายอย่างมาก จนกระทั่งรัฐบาลสเปนได้เข้าไปบูรณะในภายหลังจากยุคสงครามกลางเมือง

ขอย้ำว่าพระราชวังอัลฮัมบรานี้คือสถานที่ซึ่งเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ของชาวยิว มุสลิม และคริสต์ ซึ่งคำว่า วังและปราสาท ในภาษาสเปนคืออัลคาซาร์ ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาอาหรับ ทุกอัลคาซาร์จะประกอบด้วย ท้องพระโรง หน้าพระลาน ห้องต่างๆ สำหรับกษัตริย์ มเหสี และฝ่ายใน รวมถึงห้องรับแขก ห้องทรงงาน ห้องดนตรี ห้องพระอักษร สนามหญ้า ผนังกำแพง และที่ขาดไม่ได้คือพระราชอุทยานที่เต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดและน้ำพุ ซึ่งน้ำพุแบบมัวร์จะเป็นน้ำพุที่ไม่พุ่งขึ้นสูงเหมือนกับน้ำพุของชนชาวคริสต์

ตามปกติคนไทยที่ไปเที่ยวสเปนมักไปแค่กรุงมาดริด หรือไม่ก็ขึ้นเหนือไปเมืองบาร์เซโลน่า แต่ส่วนมากไม่ค่อยลงไปทางตอนใต้ของสเปน ดังนั้นเมืองสวยๆ อย่างเซบีญา (Sevilla) (ตัว v ออกเสียง b และ l สองตัวออกเสียง y) ซึ่งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย รวมถึงเมือง Granada ซึ่งห่างออกไปจาก Sevilla ประมาณ 260 กิโลเมตร จึงไม่ค่อยมีคนไทยไปเที่ยวมากนัก

หากคุณๆ ที่เป็นแฟนคอลัมน์ตะลอนเที่ยวสนใจจะไปเที่ยวเมืองโรแมนติกแห่งนี้ สามารถให้ทัวร์คุณแหนพาคุณไปสัมผัสความงดงามได้ โดย Mr.Flower จะเป็นผู้พาคุณๆ ไปชมแบบเจาะลึก เราไปกันกลุ่มเล็กๆ ไม่เกิน 15 คน พักในเมืองSevilla สัก 1 สัปดาห์ เพื่อจะได้ไปเที่ยวเมืองอื่นๆ รอบๆ Sevilla ด้วย และขอเรียนย้ำว่าหากจะไปเที่ยวเมือง Granada ให้ประทับใจแล้ว โปรดอย่าไปหน้าหนาวเพราะทุกอย่างจะซบเซาเหงาหงอยมาก ต้องไปเที่ยวหน้าร้อนเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหมาะก็คือประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม แต่ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมนั้น อากาศจะร้อนมาก ร้อนถึง 50 กว่าองศาเลยเชียวแหละ

หากต้องการทราบรายละเอียดทริปสเปนมากกว่านี้โปรดติดต่อ Mr.Flower ที่หมายเลขโทรศัทพ์ 081-9250300 หรือ E-Mail addressluangpee@hotmail.com

ส่วนทริปพม่า (ย่างกุ้ง หงสาวดี พระธาตุอินทร์แขวน) ที่จะเดินทาง 20-23 พฤษภาคมนี้ ที่นั่งใกล้จะเต็มแล้วครับ หากคุณสนใจโปรดติดต่อMr. Flower ครับ สำหรับท่านที่จองที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เราจะนัดรับพาสปอร์ตเพื่อนำไปทำวีซ่าเข้าพม่าในช่วงปลายสัปดาห์นี้ครับ โปรดเตรียมรูปถ่ายหน้าตรง พื้นหลังขาว ขนาดสองนิ้วไว้ด้วยครับ และโปรดตรวจสอบอีกครั้งว่าวีซ่าของคุณมีอายุใช้งานในช่วงวันเดินทางเกิน 6 เดือน หรือไม่ หากเหลืออายุพาสปอร์ตน้อยกว่า 6 เดือน โปรดกรุณาไปทำพาสปอร์ตใหม่โดยด่วนครับ