เป็นนักวิชาการสาวสวยคนดังที่หาตัวจับยากอีกคน สำหรับ “หนูดี-วนิษา เรซ”ผู้บริหารหลักสูตร โรงเรียนอนุบาล วนิษา สุขุมวิท ที่ความสามารถของเธอนั้นมากมายจริงๆ เป็นทั้งคุณครู นักเขียนนักวิชาการ พิธีกร ดีเจ เพราะความเก่งไม่เป็นสองรองใคร ล่าสุดรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2ช่อง 784 โดย 2 พิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” และ “เล็ก-กรกนก ยงสกุล” จึงตามไปพูดคุยด้วย
หนูดี-วนิษา เรซ เล่าว่า “ตอนนี้หน้าที่หลักๆ ที่รับผิดชอบก็คือ บริหารโรงเรียน คุณแม่ทำโรงเรียนไว้ให้หนูดี ตอนอายุประมาณ 3 ขวบ คุณแม่เปิดโรงเรียนชื่อโรงเรียน วนิษา ชื่อหนูดีนี่แหละ เพราะเหมือนเขาหาโรงเรียนแล้วไม่ถูกใจ ก็เปิดเองก็เป็นโรงเรียนอยู่ที่รังสิต แล้วตอนนี้เราก็ขยายสาขามาอยู่ที่สุขุมวิท 26 ใกล้ๆ กับดิ เอ็มโพเรียม หนูดีจะดูแลตรงนี้ หลักสูตรจะต่างกันนิดหนึ่ง เพราะตรงนี้เราจะเป็นครูฝรั่ง ครูไทย เป็นครูประจำชั้นร่วมกัน เป็นความสนุกอีกแบบหนึ่งที่เราพยายามจะทำ
นอกนั้นจริงๆ เป็นนักเขียน ก็เขียนหนังสือ แต่ว่าหยุดมา 2 ปี ตอนแรกนึกว่าทำได้ เป็นซูเปอร์วูแมน ทำได้ทุกอย่างพร้อมกัน แต่มันทำไม่ได้ ตอนนี้ที่ทำอยู่เมนหลักนอกจากโรงเรียน ก็จะมีงานที่ไปคาบเกี่ยวกับวงการบันเทิง วงการสื่อบ้าง เช่น รายการโทรทัศน์ ก็จะมีรายการ พริ้ง ของคุณจ๋า-ยศสินี มีรายการ ลิฟวิ่งอินเชป ของพี่นก-ชลิดา แล้วก็จะมีรายการ โชว์รูมมายลิฟวิ่ง เป็นรายการแต่งบ้าน แล้วก็อ่านข่าวที่แกรมมี่นอกนั้นก็จะเป็นคอลัมนิสต์ โพสต์ทูเดย์ กรุงเทพธุรกิจ นิตยสารซีเคร็ท แล้วก็เป็นดีเจทุกเช้าวันพุธ-พฤหัสฯ-ศุกร์ เวลา 08.00-09.00 น. เมท 107 กับดีเจปูเป้ ก็จะมีเพลง มีคุยประเด็นนั้นประเด็นนี้
สำหรับเรื่องหนังสือที่หนูดีเขียนทั้งหมด ถ้าจำไม่ผิด 6-7 เล่ม เขียนเยอะมาก จะมีอัจฉริยะสร้างได้ อัจฉริยะสร้างสุขอัจฉริยะเรียนสนุก เก็บล็อคอัจฉริยภาพมนุษย์ อันนี้ก็ถึงเวลาท้าทายสมองสำหรับคนที่อยากทำธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยที่ไม่เคยเรียนธุรกิจมาก่อน ก็จะเป็นเล่มที่เล่าประสบการณ์ เด็กๆ ก็จะชอบกันเยอะ เพราะเหมือนเด็กยุคนี้จะแบบค้นหาตัวเอง ไม่อยากมีนาย เป็นเจ้านายตัวเองอะไรประมาณนี้ก็จะชอบเล่มนี้ ก็จะมีอีกหลายๆ เล่มเลย แล้วก็จะมีหนังสือเลี้ยงลูกอีก 2 เล่ม ด้วยความที่เราเป็นครู คนก็จะบอกเขียนหนังสือเลี้ยงเด็กคนอ่านน้อย แต่หนูดีว่าไม่นะ คือคนมีลูกเยอะมากในประเทศไทย
ส่วนเรื่องประวัติการศึกษาของหนูดีจะแบบกระโดดไปกระโดดมา คือพอเราเรียนไปแล้วเราจะไม่แน่ใจว่าที่เราเรียนไปมันเข้ากับเรามั้ย เพราะหนูดีเรียนด้านการศึกษาโดยตรง คือเรียนเป็นครูเลย เพราะคุณแม่ทำโรงเรียนให้เรา เราก็มีความประทับใจใช่มั้ยคะ เรียนไปปีหนึ่ง ปีสองเรารู้สึกว่าอาจจะไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นครู เราเขียนหลักสูตร แต่บางทีเด็กเขาไม่ได้มาแบบผ้าขาว คือคุณพ่อคุณแม่เขาสอนอย่างหนึ่ง แล้วบางทีเราสอนไปไม่ถูกใจพ่อแม่ แล้วมีปัญหากัน เราก็รู้สึกว่าเป็นครูมันยากกว่าที่เราคิด
ตอนนั้นก็จะเปลี่ยนสาขานะ จะเปลี่ยนไปเรียนอาร์ตเลย หรือจะเปลี่ยนไปเรียนอะไรแบบแปลกๆ ไปเลย แล้วแบบเครียดมาก ก็เข้าใจเวลาเด็กยุคใหม่มาถามหนูดีว่าพี่หนูดีหนูจะเรียนอะไรดี หนูเครียด หนูไปไม่เป็น หนูดีจะรีบตอบก่อนเลย เพราะเราจำได้ว่า ณ เวลานั้นเราเคว้งมากเลย แล้วในที่สุดก็จะมีปรึกษาคุณแม่ ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา ก็กลายไปเรียนด้านครอบครัวศึกษา (Family Study ) เพราะเขาบอกว่าถ้าเราไม่เข้าใจครอบครัว เราก็ไปเรียนสิ แล้วเป็นสาขาใหม่ แบบย้ายง่ายมาก รับทุกหน่วยกิต ไปก็ชอบเลย
แล้วพอจบปริญญาตรี ก็อยากเป็นจิตแพทย์ครอบครัว ก็ตั้งใจจะเรียนต่อด้านนั้นเลยนะคะ คือเรียนปริญญาโท ปริญญาเอกต่อไปเลย แล้วพอดีมีอาจารย์ที่ให้คำปรึกษา อาจารย์บอกว่าต้องยอมรับนะว่ามันจะเครียดมาก 6 ปีแรกของอาชีพ เพราะเราต้องฟังปัญหา ใครโดนซ้อม ใครโดนนอกใจ ใครโดนทำร้าย”
ย้อนกลับมาคุยถึงโรงเรียนอนุบาลวนิษา สุขุมวิท ที่ หนูดี-วนิษา นั่งเก้าอี้บริหารเต็มตัว เธอบอกว่า “โรงเรียนแห่งนี้ หนูดีตั้งชื่อว่า วนิษา สุขุมวิท เพราะว่าจำง่าย เป็นทั้งชื่อเรา ทั้งชื่อสถานที่ ตอนแรกก็ไม่คิดว่า จะมาได้ที่ดินตรงนี้นะ มันจะใกล้กับเควิลเลจ ซึ่งเป็นที่ที่เราชอบมาอยู่แล้ว ใกล้ ดิ เอ็มโพเรียม สะดวกมาก แต่ว่าที่แฮปปี้มากคือว่าด้วยพื้นที่ที่ได้มาจะกว้างมากเลย แล้วก็โรงเรียนนี้ตอนที่ออกแบบคือมันมีหลายคอนเซ็ปต์มาก เพราะโรงเรียนเดิมที่รังสิต จะแบบสีสันเยอะมาก แล้วก็จะมีต้นไม้ มีสนาม คือในสนามจะมีต้นไม้เยอะมาก
แต่พอมาตรงนี้เราตัดสินใจ พอดีคนที่มาช่วยออกแบบตอนต้น เป็นคนที่เรียนจบมาด้านผังเมืองจากญี่ปุ่น เขาก็บอกว่าจริงๆ แล้วเขาอยากให้คอนเซ็ปต์อันหนึ่ง ซึ่งหนูดีฟังแล้วแบบพูดทีไรจะร้องไห้ทุกครั้ง เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นเวลาที่ทำงานหนัก อย่างเพื่อนหนูดีคนญี่ปุ่นบางทีเที่ยงคืนยังไม่ออกจากออฟฟิศ เพื่อนผู้หญิงด้วยนะ เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นโตขึ้นแล้ว ถ้าเกิดเจออะไรที่มันทุกข์หนักหนาสาหัส หลายคนจะเลือกขับรถกลับไปแล้วไปจอดที่หน้าโรงเรียนอนุบาลตัวเอง แล้วมองเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้น แล้วนึกถึงวันที่ชีวิตมีแต่ความสุข ซึ่งหนูดีรู้สึกว่า มันเป็นความใหญ่หลวงมากของอาชีพครู ที่ว่าเขามาอยู่กับเราขวบครึ่งพอ 6 ขวบนี่บ๊ายบายกัน ไม่เจอกันอีกทั้งชีวิต ยกเว้นเขากลับมาเยี่ยมเรา
เพราะฉะนั้นเวลา 5-6 ปี ตรงนี้หนูดีจะทำอย่างไรให้เป็นภาพจำชั่วชีวิต ว่านี่คือเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเขา แล้วไม่ใช่แค่นั้น ต้องพัฒนาสมองด้วย เพราะว่าเหมือนเราต้องฝากผลงาน แล้วในปัจจุบันงานวิจัยเยอะมากเกี่ยวกับสมอง ที่บอกว่าสมองมนุษย์ก่อน 6 ขวบเป็นช่วงที่พัฒนาสูงที่สุด สร้างเส้นใยมากที่สุด ขยายในลักษณะของขนาดและน้ำหนัก และคุณภาพ เพราะฉะนั้นคือเราได้เขามาแบบในเวลาที่ฟอร์มชีวิตมาเลยทั้งชีวิต ก็เลยคิดว่าตรงนี้นี่แหละอยากให้มันเป็นอะไรที่ทั้งสวย ทั้งแฮปปี้ มีความสุข พัฒนาสมอง หวังว่าครูและทุกๆ คนที่เข้ามา รวมทั้งพ่อ-แม่ ก็จะสร้างอะไรที่มันเป็นสังคมที่มีความสุขมากๆ
โรงเรียนนี้หลักการเรียนการสอนจะแตกต่างจากที่อื่น ตรงที่หนูดีจะเรียกว่าเป็นโรงเรียนลูกครึ่ง คือเราจะใช้ครูประจำชั้นเป็นครูไทยกับครูฝรั่ง แล้วก็ให้เขามีหน้าที่ดูแลเด็กเท่าๆ กัน หนูดีอยากให้เด็กของหนูดีในวัยเท่านี้ สามารถพูดอังกฤษก็ได้พูดไทยก็ได้เท่าๆ กัน แต่ว่าอยากได้มารยาทน่ารักๆ แบบเด็กไทย คือไหว้ อ่อนน้อม เดินผ่านผู้ใหญ่ก้มหลัง แล้วหนูดีว่าอย่างตัวเราเป็นคนไทย คือจริงๆ หนูดีเป็นลูกครึ่ง แต่รู้สึกตัวเองเป็นคนไทย เวลาไปที่ไหน ไปเรียนต่อต่างประเทศ เรารู้สึกว่ามารยาทเด็กไทยครูฝรั่งจะเอ็นดูมากกว่า เราก็คิดว่า เออ มารยาทนี้ค่อนข้างสากล แต่ว่าการคิด เราอยากให้เด็กคิดได้แบบฝรั่ง เพราะว่าหนูดีคิดว่าในที่สุดคนไทยเราตอนนี้ไปทำงานหลายที่ ไม่ว่าจะประเทศใกล้ๆ เพื่อนบ้านเรา หรือประเทศที่ไกลออกไปเพราะฉะนั้นการคิดแบบสากลมันก็จะช่วย เพราะฉะนั้นตั้งแต่อายุเท่านี้นี่แหละที่ควรจะเป็นการสร้าง ทั้งหน่วยภาษา หน่วยการออกเสียง ไปจนถึงกระบวนการคิด บุคลิกภาพวัฒนธรรมในตัวเด็ก”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี