คณะสำรวจเอกสารเก่า
เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการค้นพบเอกสารสำคัญคือ ต้นฉบับตัวเขียนวรรณกรรมจีนของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ 5 อาทิตย์นี้จึงได้ตามรอยไปกับกิจกรรม “150 ปี ศรีสุริยวงศ์” ถึงวรรณกรรมจีน ที่ถูกแปลเป็นภาษาไทยเพื่อสร้างการเรียนรู้สู่ผู้คนในสังคมสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เป็นต้นมานั้นได้มีการแปลวรรณกรรมจีนเป็นภาษาไทยตอนนั้นเรียกพงศาวดารจีนหมด โดยพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แปลเรื่องไซฮั่น และเรื่องสามก๊ก รวม 2 เรื่อง โดยโปรดฯให้สมเด็จพระเจ้าหลานเธอกรมพระราชวังหลัง ทรงอำนวยการแปล เรื่องไซฮั่นและให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) อำนวยการแปลเรื่องสามก๊ก
วรรณกรรมจีนสองเรื่องนี้ต่อมาได้มีอิทธิพลต่อเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ คนของวังหลังที่ให้พระอภัยมณี มีวิชาชำนาญการเป่าปี่อย่างเตียวเหลียงในเรื่องไซฮั่น และอิทธิพลสามก๊ก นั้นได้แทรกอยู่ในบทละครนอกเรื่องคาวี พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 2ว่า “อวดรู้อวดหลักฮักฮึก ข้าเคยพบรบศึกมาหลายยก จะเข้าออกยอกย้อนผ่อนปรน เล่ห์กลเรานี้อย่าวิตก ทั้งพิชัยสงครามสามก๊ก ได้เรียนไว้ในอกสารพัด ยายกลับไปทูลพระเจ้าป้า ว่าเรารับอาสาไม่ข้องขัด” จึงเป็นไปได้ว่าเรื่องสามก๊กนั้นแปลก่อน ปีพ.ศ.2348 อันเป็นปีที่เจ้าพระยาพระคลัง ถึงอสัญกรรม ซึ่งน่าจะแปลก่อนหน้านี้ไม่นานจึงทำให้หนังสือสามก๊กไม่จบและมีสองสำนวน การแปลเรื่องไซฮั่นและสามก๊ก จึงถือเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้มีการแปลเรื่องจีน
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์และคณะ
ในเวลาต่อมา พ.ศ.2362 รัชกาลที่ 2 โปรดฯ ให้แปลเรื่องเลียดก๊ก โดยมีผู้แปลรวมทั้งสิ้น 12 ท่าน คือกรมหมื่นนเรศร์โยธี เจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ เจ้าพระยายมราช พระยาโชฎึกราชเศรษฐี พระท่องสื่อ จมื่นไวยวรนาถ นายจ่าเรศ นายเล่ห์อาวุธ หลวงลิขิตปรีชา หลวงวิเชียรปรีชา หลวงญาณปรีชาและขุนมหาสิทธิโวหาร และยังมีเรื่องห้องสินและตั้งฮั่นด้วยภายหลังจึงมีการจัดพิมพ์ครั้งแรกใน ปี พ.ศ.2419 โดยโรงพิมพ์หมอบรัดเลย์ที่พิมพ์วรรณคดีและเรื่องแปลสมัยรัชกาลที่ 1-4
ในสมัยรัชกาลที่ 3 นั้น ได้มีชาวจีนได้เข้ามาทำมาค้าขายและอยู่ร่วมกันแล้วตั้งแต่ปลายรัชกาล ดังนั้นการที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) จึงได้สนับสนุนให้มีการแปลพงศาวดารจากภาษาจีนเพื่อเป็นการผสมผสานความคิดความเชื่อ สู่การปรับตัว อันส่งผลให้อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขทำให้มีวรรณกรรมจีนที่แปลเป็นภาษาไทยถึง 19 เรื่องซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 จำนวน 10 เรื่องคือ ไซ้จิ้น ตั้งจิ้น น่ำซ้อง หงอโต้ บ้วนฮวยเหลาโหงวโฮ้วเพงไซ โหงวโฮ้วเพงหนำ ซวยงัก ซ้องกั๋ง เม่งเฉียวอีก 9 เรื่องนั้นแปลในขณะเป็นผู้สำเร็จราชการคือ เสาปักซิยินกุ้ยเจงตัง ซิเตงซันเจงไซ เลียดต้วน อิวกังหนำไต้อั้งเผ่า เซียวอั้งเผ่า หนำอิดซือ เม่งฮวดเชงฌ้อ ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นมีสาระเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนได้เรียนรู้ได้เองทั้งสิ้น ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีโรงเรียนสำหรับประชาชน
ต้นฉบับพงศาวดารจีนของสมเด็จเจ้าพระยาฯ
วรรณกรรมจีนโดยเฉพาะเรื่อง ซ้องกั๋ง นั้น เป็นเรื่องความผูกพันระหว่างบุคคล มีเนื้อหาลึกซึ้งที่ส่งผลให้สะเทือนใจ ซึ่งมีตัวละครในเรื่องที่สำคัญถึง 108 คน ล้วนมีที่มาที่ไปแตกต่างกัน แต่มีเหตุให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ป่าแห่งหนึ่ง เพื่อต่อสู้กับอำนาจซึ่งสอนให้คนรู้จักการต่อสู้เพื่อทวงสิทธิประโยชน์ของตน บทบาทที่ประทับใจคือ การตอบคำถามถึงการที่จะให้ผู้อื่นรังแกเราอย่างไม่มีเหตุผลต่อไปอีกหรือไม่สาระสำคัญของเรื่องนั้น ได้สร้างให้คนทุกคนเป็นคนกล้าที่จะแสดงออก กล้าต่อสู้ กล้าที่จะยืนอยู่ในจุดยืนที่ถูกต้อง และเป็นกำลังสำคัญของชุมชน-อันเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่ให้ประชาชนได้เรียนรู้และตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของตนเองจากตัวละครดังกล่าวอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งชาติตะวันตกในสมัยนั้นเรียกว่า “สิทธิพลเมือง” ดังนั้นซ้องกั๋ง จึงเป็นเรื่องที่อ่านสนุก เข้าใจง่าย และเป็นที่นิยมกันทั่วไป สรุปแล้วการแปลวรรณกรรมจีนจึงเป็นภูมิการเรียนรู้อย่างหนึ่งที่ผ่านตัวละครสู่คนในสังคม เพื่อสร้างฐานความรู้เดียวกัน และเข้าใจที่จะอยู่ร่วมกันอย่างความสุขนั่นเอง
ต้นฉบับวรรณกรรมจีนฉบับตัวเขียน
พงศาวดารจีนเซียวอั้งเผ่า
พงศาวดารจีนบ้วนฮวยเหลา
พงศาวดารจีนเรื่องซ้องกั๋ง
พงศาวดารจีนสามก๊ก-เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง)
หมอบรัดเลย์ผู้พิมพ์วรรณกรรมจีน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี