นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,025,477 ล้านบาท ขยายตัว 18.4% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ซึ่งนับเป็น ขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่มีนาคม 2565 และถือเป็นมูลค่าการส่งออกรายเดือน สูงสุดในประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ หากไม่รวมกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกขยายตัวสูงถึง 20.3% ซึ่งสะท้อนถึงภาวะการค้าโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับการชะลอการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ และความต้องการสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งผลให้สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และแผงวงจรไฟฟ้า เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่สินค้าเกษตร โดยเฉพาะ มันสำปะหลัง ทุเรียน มังคุด และเงาะ ก็กลับมาฟื้นตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
สำหรับภาพรวม 5 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกไทยขยายตัว 14.9% หากไม่รวมสินค้าน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะขยายตัว 13.9% โดยมีสินค้าเด่นและตลาดสำคัญที่ขยายตัว สินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวถึง 22.9% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 นำโดย คอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า รถยนต์ และอัญมณี (ไม่รวมทองคำ) สินค้าเกษตร กลับมาขยายตัว 6.8% หลังชะลอตัวหลายเดือน โดยเฉพาะผลไม้สด มันสำปะหลัง และมะม่วงส่วน ตลาดส่งออกสำคัญที่เติบโตดี ได้แก่ สหรัฐฯ 35.1% โตต่อเนื่อง 20 เดือน จีน 28% ตะวันออกกลาง 22.8% เอเชียใต้ 22.3% แอฟริกา 21.4% สหภาพยุโรป 16.6% อาเซียน 8.8%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวเพิ่มเติมว่า มูลค่าการค้ารวม โดยมูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนพฤษภาคม 2568 การส่งออก มีมูลค่า 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,025,477 ล้านบาท ขยายตัว 18.4% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 29,928.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,001,162 ล้านบาท ขยายตัว 18% ดุลการค้า เกินดุล 1,116.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ราว 24,315 ล้านบาท
ภาพรวมการส่งออก 5 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออก มีมูลค่า 138,202.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,640,426 ล้านบาท มีการขยายตัว 14.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.3% ดุลการค้า ขาดดุล 1,123.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การนำเข้า มีมูลค่า 4,736,361 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.9 ดุลการค้า ขาดดุล 95,936 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 8.1% กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าเกษตร ขยายตัว 6.8% กลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 10.1% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ขยายตัว
10.2% กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย เวียดนาม สหรัฐฯ และกัมพูชา ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัว 9.3% ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน ขยายตัวในตลาดสหราชอาณาจักร จีน มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ขยายตัว 75.1% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน ขยายตัวในตลาดอินเดีย มาเลเซีย เมียนมา จีน และเวียดนาม อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 10.5% กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ลิเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์
ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ขยายตัว 25.5% ขยายตัวต่อเนื่อง 17 เดือน ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐ กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัว 15.5% กลับมาขยายตัวในรอบ 5 เดือน ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอินเดีย และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 24.9% ขยายตัวต่อเนื่อง 20 เดือน ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และแคนาดา
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ข้าว หดตัว 9.9% หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน หดตัวในตลาดฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น อิรัก ฮ่องกง และสิงคโปร์ แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ แอฟริกาใต้ จีน ไนจีเรีย และแคนาดา ยางพารา หดตัว 7.8% กลับมาหดตัวในรอบ 19 เดือน หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และอินเดีย แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เวียดนาม บราซิล เยอรมนี และอิตาลี และเนื้อสัตว์และของปรุงแต่งที่ทำจากเนื้อสัตว์ หดตัวร้อยละ 0.1 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน
หดตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร ลาว ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา เมียนมา ฮ่องกง เยอรมนี และสิงคโปร์) ทั้งนี้ 5 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 0.2%
ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 22.9% ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัว 104% ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัว 15% กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เวียดนาม และสหรัฐฯ
ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 34.2% ขยายตัวต่อเนื่อง 11 เดือน ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ขยายตัว 34.8% กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์และเยอรมนี) แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัว 41.4% ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน ขยายตัวในตลาดฮ่องกง ไต้หวัน จีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 2.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน ขยายตัวในตลาดอินเดีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิตาลี
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ เม็ดพลาสติก หดตัว 4.4% หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน หดตัวในตลาดจีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และเวียดนาม แต่ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ตุรกี เบลเยียม และกัมพูชา เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 20.8 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน หดตัวในตลาดเนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น จีน ลาว และฮ่องกง แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เม็กซิโก สิงคโปร์ ไอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ หดตัว 9.5% กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า หดตัวในตลาดจีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ซาอุดีอาระเบีย เนเธอร์แลนด์ อียิปต์ และไต้หวัน อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอดหดตัว 32.1% หดตัวต่อเนื่อง 15 เดือน หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย สาธารณรัฐเช็ก และเวียดนาม แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และไต้หวัน) โดย 5 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 19.6%
นอกจากนี้ ตลาดส่งออกสำคัญการส่งออกขยายตัวเกือบทุกตลาดสำคัญ ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากประเทศผู้นำเข้าเร่งสั่งซื้อสินค้า ในช่วงที่สหรัฐฯชะลอการบังคับใช้ภาษีต่างตอบแทนเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยการส่งออกขยายตัวเร่งขึ้นในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และตลาดรอง อาทิ ทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ 1. ตลาดหลัก ขยายตัว 19% โดยขยายตัวต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ 35.1%
จีน 28% สหภาพยุโรป 16.6% และ CLMV 20.8% แต่หดตัวเล็กน้อยในตลาดอาเซียน 0.3% และญี่ปุ่น 0.9% ตลาดรอง ขยายตัว 18.6% โดยขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ 22.3% ทวีปออสเตรเลีย 8.4% ตะวันออกกลาง 22.8% แอฟริกา 21.4% ลาตินอเมริกา 15.9% รัสเซียและกลุ่ม CIS 18% และสหราชอาณาจักร 20% ตลาดอื่น ๆ หดตัว 15%
ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 35.1% ขยายตัวต่อเนื่อง 20 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และอัญมณีและเครื่องประดับ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 27.2%
ตลาดจีน ขยายตัว 28% ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 17.9%
ตลาดญี่ปุ่น หดตัว 0.9% กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ไก่แปรรูป แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 0.8%
ตลาดสหภาพยุโรป ขยายตัว 16.6% ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ โดย 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 8.9%
ตลาดอาเซียน หดตัว 0.3% กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ข้าว น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์ สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย ทั้งนี้ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 4.8%
ตลาด CLMV ขยายตัว 20.8% ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ทั้งนี้ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวช 11.7%
ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัว 22.3% ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ อัญมณีและเครื่องประดับ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 51.9%
ตลาดทวีปออสเตรเลีย ขยายตัว 8.4% กลับมาขยายตัวในรอบ 6 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 5 เดือนแรกของปี 2568 หดตัว 8.8%
ตลาดตะวันออกกลาง ขยายตัว 22.8% กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ข้าว เคมีภัณฑ์ และยางพารา 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 8.1%
ตลาดทวีปแอฟริกา ขยายตัว 21.4% กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว และเครื่องยนต์สันดาปภายใน สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 6.4%
ตลาดลาตินอเมริกา ขยายตัว 15.9% กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 12.2%
ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัว 18% ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 22.2%
ตลาดสหราชอาณาจักร ขยายตัว 20% ขยายตัวต่อเนื่อง 11 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และไก่แปรรูป สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 5 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว 11.4%
ทั้งนี้ แนวโน้มการส่งออกในปี 2568 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ต้องติดตามผลการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้า หลังจากที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ที่กรุงปารีส โดยไทยได้จัดส่งข้อเสนอเชิงนโยบายที่มุ่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ภายใต้กรอบความร่วมมือที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยมีผลตอบรับในเชิงบวกจากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะปูทางไปสู่
การเจรจาเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ทางการค้า และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกรอบเจรจาที่เน้นสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงเฝ้าติดตามปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าไทย ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ความวุ่นวายในภูมิภาคตะวันออกกลาง และปัญหาการเบี่ยงเบนการค้า ซึ่งทางกระทรวงฯ ให้ความสำคัญสูงสุดและติดตามอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้าแก่ทุกฝ่าย
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี