Arles เมืองชื่อแปลกนี้ตั้งอยู่ในแคว้นโพรวองซ์แคว้นที่ได้ชื่อสวยงามที่สุดของฝรั่งเศส แม้ว่าเมืองนี้อาจไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับเมือง Aix แต่ Arles ก็เป็นเมืองที่มีความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่คลั่งไคล้แวนโก๊ะ เพราะที่นี่เป็นเมืองที่แวนโก๊ะมาอาศัยอย่างยาวนานก่อนที่จะเสียชีวิตจากการยิงตัวตาย ทิวทัศน์ของเมือง Arles จึงปรากฏในผลงานของแวนโก๊ะมากมาย การเดินทางจากปารีสไปเมืองนี้ก็ไม่ยากมีรถไฟตรงราว 4 ชั่วโมง ถ้าใช้ France Pass ก็ต้องจองก่อนเพราะเป็นรถ TGV แต่ถ้าไปจาก Marseille ยิ่งง่ายใช้เวลาเพียงแค่ 40 กว่านาทีเป็นรถ TER ไม่ต้องจองล่วงหน้าเลยหากใช้ France Pass

เมือง Arles ไม่ใช่เมืองใหญ่ สถานีรถไฟของเมืองจึงเล็กนิดเดียวโดยมีแค่สี่รางเท่านั้น ถึงกระนั้นก็ตามที่นี่ก็เป็นเมืองที่สวยงามและมีความสำคัญมาแต่สมัยโรมัน และเป็นเมืองที่แวนโก๊ะเขียนบันทึกไว้ว่ามีความสวยงามมากจนเขายอมย้ายมาอยู่ที่นี่ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองสามารถทราบได้ตั้งแต่ตอนไป Tourist Information เพราะจะมีการขายตั๋วเข้าชม นักท่องเที่ยวอาจเลือกซื้อตั๋วเข้า Arena และ Theater สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ Arles เท่านั้นที่เรียกว่า Combo1 ราคา 6 เหรียญ หรือ Combo2 ราคาเก้าเหรียญซึ่งจะเพิ่มมิวเซียมด้วย 

หลังจากที่นักท่องเที่ยวเลือกซื้อชนิดของ combo ได้ถูกจริตของตัวแล้ว ก็ถึงเวลาไปสถานที่ท่องเที่ยว ด้านหน้าของ Arena จะมีภาพเขียนของแวนโก๊ะที่เขียนถึงตึกรามบ้านช่องบริเวณเมืองติดอยู่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน บริเวณใกล้เคียงกับ Arena เป็นตึกแถวขายของที่ระลึก เนื่องจากแคว้นโพรวองซ์มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว ร้านรวงของแคว้นนี้จึงมักตกแต่งสวยงามและเจ้าของร้านก็มักใจดีอนุญาตให้ถ่ายรูปได้สบายๆ นักท่องเที่ยวไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ หรือกลัวว่าจะโดนขับไล่ แม้ว่าจะหาญกล้าบุกไปถ่ายรูปถึงในร้านเลยก็ตาม ของที่ระลึกของเมืองนี้น่ารักมากๆ สีสันสวยงาม แต่ก็มีราคาแพง นักท่องเที่ยวที่เงินน้อยหรือไม่ต้องการของสะสมเพิ่มให้รกบ้านอาจทำเพียงแค่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ รวมทั้งถ่ายรูปจากโปสต์การ์ดด้วยเลยก็ยังได้โดยที่เจ้าของร้านค้าก็ยินยอมซึ่งผิดกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นมากยกเว้นที่สตอกโฮมที่เจ้าของร้านค้าส่วนใหญ่น่ารักแบบนี้เหมือนกัน นักท่องเที่ยวที่ต้องการบรรยากาศคึกคักแนะนำว่าอย่าไปเที่ยวเมือง Arles ในวันอาทิตย์ เพราะร้านค้าส่วนใหญ่จะปิด อดช็อปและอดถ่ายรูปนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบแวนโก๊ะส่วนใหญ่มักสามารถหาซื้อของที่ระลึกของแวนโก๊ะได้ที่นี่อย่างแน่นอนแม้ราคาจะสูงไปหน่อยก็ตาม

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า Arena นั้นก็เหมือนสนามกีฬาของเมืองอื่นๆ แต่สร้างมาตั้งแต่ปี’90 ก่อนคริสตกาล สนามกีฬาที่จุคนได้กว่า 2 หมื่นคนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงในการดูม้าแข่ง และการสู้รบด้วยมือ ปัจจุบันสนามกีฬาแห่งนี้จะมีการแข่งสู้วัวในเทศกาลสู้วัวกระทิงประจำเมือง และจัดให้มีการแสดงละครเวทีและคอนเสิร์ตในฤดูร้อน สนามกีฬารูปไข่ ขนาดกว้าง 109 เมตร ยาว 136 เมตร และมีส่วนโค้ง 120 อันนี้ สร้างขึ้นตามต้นแบบของโคลอสเซียมในโรมจึงมี 2 ระดับเช่นกัน หลังจากเข้าชม Arena แล้วนักท่องเที่ยวอาจรู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้น่าสนใจเท่าสนามกีฬาแบบเดียวกันในเมืองอื่น ไม่ว่าจะเป็นในโรมหรือ Nimes เมืองที่อยู่ใกล้กัน เพราะเทียบขนาดกันไม่ได้เลย ยกเว้นนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยเข้าสนามกีฬาแบบนี้มาก่อน 

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วแบบเข้าชมแค่ Arena และ Theater อาจผิดหวังหนักเข้าไปอีก เพราะที่ Antique Theater of Arles หรือโรงละครมีแต่ซากปรักหักพัง โรงละครที่สร้างขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันกับสนามกีฬาแห่งนี้เคยเป็นสถานที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมในสมัยกษัตริย์จูเลียส ซีซาร์ โรงละครที่พังทลายลงไปมากจนแทบเหลือแต่ซากแห่งนี้ถูกขุดค้นพบขึ้นใหม่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมบางคนเดินผ่านประตูเข้าไปแล้วอาจตกใจจนแม้แต่จะถ่ายรูป ก็ยังคร้านที่จะทำ ทั้งนี้เพราะสถานีที่ท่องเที่ยวนอกจากจะดูเยินมากแล้วจนไม่เหลือสภาพให้ดูจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ป้ายที่จะบอกเล่าเรื่องราวก็ยังไม่มี นักท่องเที่ยวที่ต้องการรู้ประวัติศาสตร์ของสถานที่ต้องซื้อเอกสารภาษาอังกฤษอ่านเองต่างหาก หรือต้องดูวีดีโอภาษาฝรั่งเศสซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ฟังไม่รู้เรื่องอีก ดังนั้นการซื้อตั๋วเก้ายูโรเพื่อเข้าสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วยน่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่าสำหรับการเที่ยวเมืองแวนโก๊ะแห่งนี้