สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดหอสมุดปิยมหาราชรฤก
ทุกปีในเดือนตุลาคม ทุกคนต่างพากันน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กันทั่วประเทศ โดยเฉพาะวันที่ 23 ตุลาคม ทุกปีนั้นเป็น วันปิยมหาราช ซึ่งมีพิธีสักการะพระบรมรูปกันทุกแห่ง อาทิตย์นี้ขอตามค้นหาข้อมูลถึงพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 5 ไปที่อาคารถาวรวัตถุหรือตึกแดง ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันตกของสนามหลวง เดิมนั้นรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยพระราชประสงค์ 2 ประการ คือประการแรก เพื่อให้เป็นที่เล่าเรียนของพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย หลังจากที่ได้โปรดให้ตั้งมหาธาตุวิทยาลัยขึ้น ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์แล้ว แต่ยังขาดสถานที่เรียนอันเหมาะสม ประการที่สอง ประจวบกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2437 โดยพระราชประเพณีจะต้องสร้างพระเมรุมาศขนาดใหญ่ ตามพระเกียรติยศขึ้นที่ท้องสนามหลวง พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า เป็นการสิ้นเปลืองพระราชทรัพย์ไปในการสร้างสิ่งที่ไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์ถาวรวัตถุ เพราะเป็นการสร้างสำหรับใช้งานชั่วคราวเท่านั้น เสร็จงานแล้วก็รื้อทิ้งไป พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้อำนวยการสร้างอาคารตึกถาวรวัตถุขึ้น เพื่อเป็นที่เชิญพระบรมศพมาประดิษฐานบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน หลังจากพระราชทานเพลิงพระบรมศพแล้ว จะได้ทรงพระราชอุทิศถวายตึกถาวรวัตถุ เป็นสังฆิกเสนาสน์สำหรับมหาธาตุวิทยาลัยต่อไป การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จในรัชกาลของพระองค์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจนเสร็จ แล้วพระราชทานให้เป็นที่ตั้งหอพระสมุดสำหรับพระนคร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดตึกถาวรวัตถุ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2459 และต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7ตึกถาวรวัตถุนั้น โปรดเกล้าฯให้ใช้เป็นที่เก็บหนังสือตัวพิมพ์ พระราชทานนามใหม่ว่า “หอพระสมุดวชิราวุธ” ต่อมาเมื่อมีอาคารหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี จึงเลิกใช้ไป อาคารถาวรวัตถุนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานสำคัญของชาติ เมื่อปี พ.ศ.2520 ด้วยเหตุที่สีของตึกถาวรวัตถุนั้นแต่เดิมทาสีแดงแก่ จึงเรียกว่า “ตึกแดง” แม้ตึกนี้จะทาสีเหลืองแก่ก็ยังคงเรียกว่าตึกแดงตามชื่อเดิมจนต้องกลับมาทาสีตามเดิม
ห้องนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 5
ปัจจุบันกรมศิลปากร ได้ดำเนินการแสดงนิทรรศการถาวรพระราชกรณียกิจพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พร้อมทั้งปรับปรุงจัดเป็นหอสมุดปิยมหาราชรฤก โดยรวบรวมบทพระราชนิพนธ์ พระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการเลิกทาส การเสด็จประพาสยุโรป ตลอดจนเอกสารบทความสำคัญต่างๆเพื่อบริการให้กับประชาชนทั่วไป สำหรับเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ในรัชกาลที่ 5 นั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกความทรงจำโลก ในปี พ.ศ.2552 เป็นเอกสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสยาม รวมพระอัจฉริยภาพทุกด้านที่ทรงปรับปรุงเปลี่ยนแปลงส่งเสริมให้สยามอยู่ได้อย่างสงบสันติ ประกอบด้วยเอกสารการเลิกทาสและเอกสารอื่นที่แสดงให้เห็นถึงนโยบาย และการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมให้กรุงสยาม ดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่ทำให้ประเทศสามารถอยู่ในความสงบได้อย่างดีเอกสารต้นฉบับทั้งหมดนี้มี 8 แสนหน้า จัดเป็นเรื่องการเลิกทาส การจัดระบบการศึกษาแบบใหม่ ระบบการสาธารณสุขและการปรับปรุงสาธารณสุข การรถไฟ การจัดระบบบริหารราชการ การปรับปรุงเศรษฐกิจ การจัดเก็บรายได้ การจัดระบบการประปาและการไฟฟ้า และพระราชนิพนธ์ในรัชกาล ปัจจุบันเอกสารต้นฉบับนั้นจัดเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติและหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สำหรับหอสมุดปิยมหาราชรฤกแห่งนี้จัดเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกด้วยมีการใช้ระบบการค้นหาข้อมูลด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และศูนย์ข้อมูลปัจจุบัน นับเป็นภูมิเอกสารและข้อมูลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งเดียวที่บริการสำหรับประชาชนผู้สนใจ
แผนที่เก่าในรัชกาลที่ 5
ทอดพระเนตรการค้นหาข้อมุลจากคอมพิวเตอร์ฯ
ตู้หนังสือที่เป็นข้อมูลรัชกาลที่ 5
ตึกแดง วันเปิดหอสมุดวชิราวุธ
หอสมุดปิยมหาราชรฤก แหล่งเรียนรู้ใหม่
รัชกาลที่ 5 ทรงงานหนังสือมาตลอดรัชกาล
หนังสือพระราชประวัติรัชกาลที่ 5
ลายพระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ 5
เอกสารสำคัญของรัชกาลที่ 5
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี