ดร.อภิรมณ อุไรรัตน์
โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ผู้นำด้านการเรียนการสอนแบบสองภาษา จัดงาน “Innovative Learning 2015 : นวัตกรรมการเรียนรู้แบบสองภาษา” เปิดประสบการณ์ครั้งแรกกับการเรียนรู้แบบสองภาษาอย่างแท้จริง นำเสนอผลงานผ่านไอเดียนักเรียน พร้อมจำลอง 6 สาขาอาชีพในฝันให้เด็กได้ร่วมทำการทดสอบความสามารถและความถนัดของตนเองในรูปแบบเฉพาะของแต่ละสถานี เพื่อหนทางต่อยอดสู่อาชีพในฝันบนเส้นทางการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ ลานเอเทรียม ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์
ดร.อภิรมณ อุไรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการ โรงเรียน โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า “อาชีพยอดฮิตในฝันของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์, ทันตแพทย์, พยาบาล, นักบิน, เชฟ และเทคโนโลยี ล้วนเป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้สูงและยังถือเป็นสาขาอาชีพที่ต้องการในอาเซียนอีกด้วย ซึ่งการเรียนรู้แบบสองภาษาจะเป็นการสร้างเด็กให้มีความรอบรู้ทางด้านความคิด และความรู้ที่เป็นสากล สามารถปรับตัวเข้ากับความแตกต่างหลากหลาย มีศักยภาพและความพร้อมสูงต่อการแข่งขันในระดับสากล แต่ก็ไม่ลืมความเป็นไทย
ซึ่งจะทำให้เด็กสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมได้ดียิ่งขึ้น โดยจะซึมซับผ่านรูปแบบการเรียนการสอนแบบองค์รวมที่เสริมสร้างทั้งระบบการคิด การวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล ควบคู่กับการพัฒนาทักษะและศักยภาพในตนเอง สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของการเรียนในหลักสูตรสองภาษา (Bilingual) ที่แตกต่างจากหลักสูตรแบบอินเตอร์อย่างชัดเจน”
น้องหญิง-นฤมล แซ่ลี้
น้องหญิง-นฤมล แซ่ลี้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 บอกว่า “หนูได้รับโอกาสมาเรียนหลักสูตรสองภาษาจากที่ได้รับทุนขยายโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กภาคใต้ ตั้งแต่ ม.1 ตอนนี้อยู่ ม.2 แล้วค่ะ ทักษะด้านภาษาอังกฤษดีขึ้นมาก เริ่มเข้าใจได้แบบอัตโนมัติ สามารถพูดคุยและโต้ตอบคุณครูต่างชาติได้ดีขึ้น ถือว่าได้เปรียบเพื่อนที่เรียนหลักสูตรไทยและหลักสูตรอินเตอร์ ตรงที่สามารถสื่อสารทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้อย่างเข้าใจ ถ้าอยากเรียนต่อแพทย์ในไทย ก็ต้องใช้ภาษาไทยในการสอบเข้า แต่ก็ต้องมีทักษะทางภาษาอังกฤษที่ดีควบคู่ไปด้วย และสามารถต่อยอดไปถึงเป็นแพทย์ในระดับสากลได้ด้วยค่ะ”
น้องหยง-มริริน และน้องหยก-พริริศา พิพัฒน์ผลสกุล
ด้านสองพี่น้องพิพัฒน์ผลสกุล น้องหยง-มริริน วัย 8 ขวบ และน้องหยก-พริริศา วัย 9 ขวบ บอกเช่นกันว่า “หนูสองคนชอบทานและอยากทำขนมเป็น พอได้มาลองแต่งหน้าคัพเค้ก รู้สึกสนุกและชอบมาก มีเชฟคอยสอนเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ให้หนูได้คัพเค้กหน้าตาน่ารักน่าทาน พวกหนูเริ่มสนใจว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้เป็นเซฟที่มีชื่อเสียง อนาคตอยากทำงานในต่างประเทศ จะได้พูดคุยกับชาวต่างชาติและที่สำคัญหนูจะได้ทำอาหารไทยให้คนทั่วโลกได้ลองทานด้วยค่ะ”
คุณแม่กฤติยา และ น้องภูดิท ตะล่อมสิน
คุณแม่กฤติยา คุณแม่ของน้องภูดิท ตะล่อมสิน เผยว่า “การหาโรงเรียนให้ลูกวัย 9 ขวบ จะเน้นโรงเรียนที่มีความโดดเด่นทางด้านภาษาเป็นหลัก โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การสอนทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยควบคู่กันไปสำคัญมาก เด็กจะได้เรียนรู้ทั้งสองภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ การใช้ภาษาได้มากกว่าหนึ่งภาษาของลูกจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากในอนาคต ตอนนี้น้องเรียนหลักสูตรสองภาษาอยู่ค่ะ หากเราปูพื้นฐานด้านภาษาให้กับลูกตั้งแต่เริ่มแรก จะส่งผลดีต่อตัวเด็กเองและมองไปถึงอนาคตที่เราจะได้บุคลากรที่มีศักยภาพแบบรอบด้าน สำหรับน้องจะสนใจด้านไอทีเป็นพิเศษ อาชีพในอนาคตอาจจะต่อยอดจากสิ่งที่น้องชอบ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี