“หวงอี้” นับเป็นนักประพันธ์นิยายจีนกำลังภายใน ที่ได้รับการยอมรับจากนักอ่านรุ่นใหม่และนักอ่านรุ่นเก่า คนหนึ่งในแวดวงนิยายกำลังภายใน ในเวลานี้

เหยี่ยวมารสยบสิบทิศ ภาค 3 คือ หลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ความนิยมของหวงอี้ ไม่ใช่ราคาคุย เพราะนิยาย เรื่องใด เรื่องหนึ่ง ที่สามารถ ตรึงใจให้คนอ่านเชื่อมโยงติดต่อกันมาได้ถึงสามภาค ย่อมไม่ใช่ “คนธรรมดา”

นิยายในชุดเหยี่ยวมาร ของหวงอี้ เริ่มจากภาคแรก ในชื่อว่า เหยี่ยวมารสะท้านสิบทิศ แล้วตามด้วยภาคที่สอง ในชื่อว่า เหยี่ยวมารสัประยุทธ์สิบทิศ ซึ่งในแต่ละภาคมีความยาวนับเป็นสิบเล่ม และเมื่อภาคที่สอง จบลง “หวงอี้” ยังไม่สิ้นสุดเรื่องราวของ “หลงอิง”ตัวเอกของเรื่อง แต่ได้เริ่มภาคที่สาม ต่อเนื่องออกมาในทันที ภายใต้ชื่อว่า เหยี่ยวมารสยบสิบทิศ โดยประกาศว่า เป็น ภาคจบสมบูรณ์จาก เรื่องราวการผจญภัยของ หลงอิง ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่าง ราชวงค์โจว กับ ราชวงศ์ถัง

ความสำเร็จของนักประพันธ์ ที่ต้องดำเนินเรื่องยาวต่อเนื่องกันออกมาเป็น “มหากาพย์” นอกเหนือจากการ ต้องสร้าง จินตนาการให้ผูกมัดจิตใจของคนอ่านได้อย่างไม่สะดุด หรือไม่เกิดความสิ้นศรัทธาแล้วในส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ “ช่วงระยะเวลาของการต่อเนื่อง” หรือจะเรียกว่า เป็น “ช่วงของการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน” ถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งยวด ที่จะต้องกำหัวใจของนักอ่านให้ได้ทั้ง “คนเก่า และคนใหม่”

ในส่วนของ นักอ่าน คนเก่า หากความสนุกสนาน และความน่าสนใจยังไม่ลดน้อยลงไป เป็นเรื่องไม่ยากที่จะดึงเอานักอ่านพวกนี้ติดตามต่อไปได้ แต่สำหรับนักอ่านหน้าใหม่(ที่ไม่ได้อ่านในภาคหนึ่งและภาคสองมาก่อน)จะเป็นความลำบากของนักประพันธ์ที่จะต้อง ทำให้นักอ่านประเภทนี้ เชื่อมโยงเรื่องราวในภาคแรกให้เข้ากับเรื่องราวในภาคปัจจุบันได้อย่างต่อเนื่อง แบบว่า หากเป็นแผลจากการผ่าตัดก็หมายถึง ปราศจากแผลเป็นให้เห็น

ซึ่ง “เหยี่ยวมารฯ”ภาคที่สามนี้ ต้องยอมรับว่า “หวงอี้” เริ่มเรื่องได้อย่างกลมกลืนและแนบเนียนแบบไร้ตะเข็บทีเดียว จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับนักอ่านที่เพิ่งจะหยิบ “เหยี่ยวมารฯ” ภาคสาม มาอ่านเป็นครั้งแรก จะสามารถเข้าใจเรื่องได้ตั้งแต่ภาคหนึ่งและภาคสอง

วิธีของการลำดับความคิดเพื่อบุคลิกภาพ

เสน่ห์ที่แสดงออกโดยผ่านทางพฤติกรรม

“สร้างความคิดให้เฉียบคม ด้วยการคิดอย่างเฉียบแหลม”เขียนโดย ดร.พรรณี เกษกมล จำหน่ายในราคาเล่มละ 250 บาทเป็นหนังสือที่บอกให้ทราบถึงความฉลาดของมนุษย์ว่า เป็นบุคลิกภาพที่ดีอย่างหนึ่ง สามารถแสดงออกได้ทางภาษารวมถึงท่าทาง ซึ่งพื้นฐานสำคัญเกิดมาจากการคิด แม้ความคิดจะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สามารถแสดงออกผ่านพฤติกรรมหรือการสื่อสารให้คนอื่นได้รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของตนได้ เช่น คนที่พูดจาออกมาทื่อๆ ไม่ขัดเกลาสำนวนให้ผู้ฟังรู้สึกดีแสดงว่าขาดการคิดด้านภาษา ขณะเดียวกันผู้ที่เป็นนักพูด นักคิด นักเขียนจะรู้จักเลือกใช้คำที่สละสลวยในการแสดงความคิดเห็น หรือนักวิทยาศาสตร์ก็จะมีความสามารถการคิดด้านสัญลักษณ์ การให้เหตุผล เป็นต้น โดยหนังสือเล่มนี้จะช่วยแนะวิธีการลำดับความคิด จัดการความคิดอย่างเป็นระบบ และช่วยเติมเต็มการฝึกทักษะการคิดสู่การคิดขั้นสูง ให้แก่ผู้อ่านได้รับรู้

การผจญภัยในโลกแห่งมนตรา

สืบเนื่องจาก เซ็ปติมัส ฮีป เด็กชายผู้วิเศษ

“ท็อดฮันเตอร์มูน ผู้นำทาง” เขียนโดย “แองจี เสจ” แปลเป็นไทยโดย “พลอย โจนส์” เป็นเรื่องราวการผจญภัยภายใต้โลกแห่งมนตรา ที่ต่อเนื่องมาจากเรื่อง เซ็ปติมัส ฮีปเด็กชายผู้วิเศษ โดยในเล่มนี้ได้กล่าวถึง เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อ อลิซ ท็อดฮันเดอร์มูน เด็กน้อยที่เคยปรากฏอยู่ในกระท่อมของชาวประมง โดยเนื้อหาในตอนนี้ เธอจะเป็นผู้นำทาง ให้ผู้อ่านได้ผจญภัยเพื่อไปพบกับ เซ็ปติมัส ฮีป ที่ปราสาทอันลี้ลับ ซึ่งแน่นอนว่า กว่าเธอจะได้เจอกับเขาต้องผจญภัยกับเหตุการณ์ที่สุดแสนจะมหัศจรรย์ตลอดเวลา อันเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด และเวทมนตร์คาถาที่ยากที่จะคาดคิดและหยั่งถึง จำหน่ายเล่มละ265 บาท

คนจีนในประเทศไทยก่อนสงครามโลก

เมื่อก้าวเข้าสู่แผ่นดินไทยเป็นครั้งแรก

“อัศดรพิโรธ”นิยายย้อนยุค เขียนโดย “ณารา” เป็นเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของ ชาวจีนโพ้นทะเล ที่เข้ามาประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ.2477 ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผู้เขียน เปิดเผยเบื้องหลังให้ทราบว่า เนื้อหานำมาจากการบอกเล่าของ บรรพบุรุษที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในแผ่นดินไทยซึ่งชีวิตของพวกเขาไม่ได้ราบเรียบอย่างที่ใครๆ คิด แต่ทุกเวลาทุกนาที พวกเขาต้องผจญกับปัญหานานัปการเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด ทั้งสภาพเศรษฐกิจ และสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยการแย่งชิง ที่ต้องใช้ทุกรูปแบบเพื่อเข้าสู่เส้นชัยของความหวัง โดยเค้าโครงเรื่องส่วนใหญ่ผู้เขียนยืนยันว่าอิงมาจากความเป็นจริงเป็นส่วนใหญ่เพียงเติมสีสันเข้าไปบ้าง เพื่อความสนุกสนานและชวนให้ติดตาม จำหน่ายเล่มละ 340 บาท

สร้างสติ ปลูกปัญญาให้สังคมไทย

ผ่านปัญหาของเณรน้อยอารมณ์ขัน

“ผ้าเหลืองเปื้อนยิ้ม” เล่ม 2 ตอน เณรน้อยชวนคิดเขียนโดย “กิตติเมธี” เป็นหนังสือที่ต้องการปลูกฝัง คุณธรรมให้เกิดขึ้นในจิตวิญญาณของคนไทย โดยเฉพาะกับเยาวชน โดยผ่านเนื้อหาที่ชวนให้คิด ภายใต้อารมณ์ขัน ที่จะชี้ให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้มองเห็น บาป บุญ คุณ โทษ โดยผ่านคำถามคำตอบจากเณรน้อยขี้สงสัย ที่เต็มไปด้วยปัญหา และคำถามที่ชวนให้ต้องตอบ และเก็บเอามาคิดในการดำเนินชีวิต ซึ่งนอกจากจะชี้ชวนให้คนเป็นคนดีแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างปลูกปัญญาให้เกิดขึ้นกับทุกคนที่อินไปกับคำถามคำตอบของเณรน้อยเจ้าปัญหาด้วย จำหน่ายเล่มละ 139 บาท