ได้เคยกล่าวไปแล้วนะครับว่า เมื่อสัตว์เกาและเกิดปัญหาโรคผิวหนัง เจ้าของสัตว์ส่วนใหญมักจะ “สรุปไปเอง” ว่า สัตว์เลี้ยงที่แสดงอาการคัน มีอาการของโรคผิวหนัง จะต้องเป็น “ขี้เรื้อน” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นความคิดที่ “ไม่ถูกต้อง” ครับ
สุนัขที่มีอาการคันนั้น “ไม่จำเป็น”ต้องเป็นขี้เรื้อนเสมอไป สาเหตุอาจเกิดจากโรคผิวหนังอื่นๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา หรือภูมิแพ้ เป็นต้น หากสัตวแพทย์หาสาเหตุได้ ว่า ปัญหาโรคผิวหนังที่เกิดนั้น มีสาเหตุมาจากอะไร ก็จะทำให้การรักษาเป็นไปด้วยความง่ายดาย ทั้งนี้ โรคผิวหนังแต่ละชนิดนั้น จะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันครับ
พูดถึงคำว่า “ขี้เรื้อน vs หมาขี้เรื้อน” ฟังแล้วให้ความรู้สึกไปในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนะครับ ผมลองเปิดพจนานุกรมดูความหมายของทั้ง 2 คำ พบว่า “ขี้เรื้อน” หมายถึง โรคผิวหนังซึ่งติดต่อได้ ทำให้ผิวหนังเป็นผื่น ส่วนคำว่า “หมาขี้เรื้อน” เป็นสำนวน หมายถึง คนที่น่ารังเกียจ ไม่ควรคบหาสมาคมด้วย มักใช้กล่าวถึงผู้อื่นด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้าง ดูถูก สรุปแล้ว ความหมายดูไม่สวยทั้งคู่เลยนะครับ
สาเหตุที่พูดถึง 2 คำนี้ ก็เพื่อจะนำเข้าเรื่องราวของโรคผิวหนังในสุนัขที่ได้เกริ่นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับ
● ขี้เรื้อน คืออะไร
ในเชิงการ(สัตว)แพทย์นั้น “ขี้เรื้อน” เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งในสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ เช่น กระต่าย สาเหตุหลักเกิดจากตัวไรขี้เรื้อน (Mange) แบ่งเป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ “ขี้เรื้อนแห้ง” (Canine scabies) และ “ขี้เรื้อนเปียก” หรือ “ขี้เรื้อนขุมขน” (Canine demodicosis) ทั้ง 2 โรคนี้ มีชื่อคล้ายกัน แต่มีสาเหตุ อาการ และการติดต่อที่แตกต่างกัน ซึ่งในวันนี้ เราจะมาว่ากันถึงเรื่อง โรคขี้เรื้อนเปียก หรือ ขี้เรื้อนขุมขน กันก่อนครับ
1. ไรขี้เรื้อนแห้ง หรือ Canine scrabies
โรคขี้เรื้อนแห้งเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในสุนัข โดยโรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายโดยการสัมผัสโดยตรง (Direct contact) จากสุนัขป่วย สัตว์ป่วยมักแสดงอาการ “คันอย่างรุนแรง” และโดยเฉพาะบริเวณ “ขอบใบหู” ข้อศอก ข้อเท้า หรืออาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้บ้างที่สุนัขเกามากๆ ในบริเวณที่สุนัขเกามากๆ (แต่มักพบไม่บ่อยนัก)
สาเหตุ :
โรคขี้เรื้อนแห้ง มีสาเหตุจากการติดไรขี้เรื้อนแห้ง (Sarcopticmange) จากสัตว์ป่วยที่เป็นโรค โดยอาจเกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ป่วยที่เป็นโรคโดยตรง หรือติดต่อทางอ้อมจากสิ่งแวดล้อมหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น ปัตตาเลี่ยน และแปรงสำหรับแปรงขน เป็นต้น
อาการ :
สุนัขที่ป่วยด้วยโรคขี้เรื้อนแห้งจะมีอาการ “คันอย่างรุนแรง”โดยอาการคันของสุนัขมักเกิดจากการที่ไรขี้เรื้อนตัวเมียขุดผิวหนัง
ลงไปในชั้นลึกเพื่อวางไข่ ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนังบริเวณนั้น โดยสัตว์ป่วยมักจะมี “สะเก็ดหนา” หรือคราบเลือดแห้งกรังตามผิวหนัง ข้อศอก ข้อเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอบใบหูทั้งสองข้าง
การตรวจวินิจฉัย :
มักทำโดยการขูดผิวหนังที่มีรอยโรคบริเวณผิวหนัง แต่ที่นิยมใช้ตรวจคือ บริเวณขอบใบหู เพื่อตรวจหาตัวไรโดยกล้องจุลทรรศน์
การรักษา :
โรคขี้เรื้อนแห้งเป็นโรคที่รักษาได้ไม่ยากนัก แต่ที่สำคัญต้องควบคุมปริมาณและขนาดยาให้เหมาะสม เนื่องจากมีผลต่อระบบประสาทอย่างมาก “อย่า” ใช้โดยไม่ปรึกษาสัตวแพทย์เป็นอันขาดครับ
รูปแบบของยาที่ใช้ในการรักษา คือการฉีดยาไอเวอร์เมคตินเข้าใต้ผิวหนังทุก 1-2 สัปดาห์ ติดต่อกัน 2-3 ครั้ง หรืออาจใช้ยาหยดหลังที่มีส่วนผสมของยาฆ่าไรขี้เรื้อนเดือนละครั้ง 1-2 ครั้ง นอกจากนั้นควรได้รับยาระงับอาการคันและอาจต้องได้รับยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนด้วย สิ่งที่สำคัญในการรักษาโรคขี้เรื้อนแห้งคือต้องใช้ยาฆ่าไรกับ “สุนัขทุกตัวที่อยู่ในบ้าน” แม้จะไม่แสดงอาการก็ตาม เนื่องจากสุนัขตัวอื่นที่ไม่แสดงอาการอาจเป็นพาหะนำโรคนี้มาสู่สุนัขในบ้าน และต้องมีการจัดการสิ่งแวดล้อมเช่นไม่ให้สุนัขออกไปนอกบ้านเพื่อลดโอกาสในการสัมผัสกับสัตว์ป่วยที่เป็นโรคซ้ำครับ
โรคไรขี้เรื้อนแห้งนี้ สามารถแพร่ และติดต่อไปยังสุนัขตัวอื่นที่อยู่ร่วมกัน รวมถึงไปยังเจ้าของได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าสุนัขมีอาการดังกล่าวควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อทำการรักษา ซึ่งเมื่อพิสูจน์ได้ว่า เกิดจากไรขี้เรื้อนชนิดนี้แล้ว สามารถรักษาได้ “ไม่ยาก” และ “สามารถรักษาให้หายขาดได้” ครับ สัปดาห์หน้า เรามาคุยเรื่องไรขี้เรื้อนเปียกกันครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี