หลายๆ คน คงเคยเห็นรถฉุกเฉินจอดติดอยู่บนท้องถนน พยายามจะออกจากวงล้อมที่เต็มไปด้วยรถรา และแม้รถทุกคันจะขยับหลีกทางให้แค่ไหน ก็ยังไม่สามารถฝ่าคลื่นจราจรออกมาได้ หากเป็นรถฉุกเฉินเปล่าๆ ก็คงจะดี แต่ถ้ามีคนไข้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนอยู่บนรถด้วยแล้วล่ะก็จะเป็นอย่างไร จากความคิดหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้ทีมแพทย์ได้ไปถึงตัวคนไข้ได้เร็วที่สุดและส่งกลับมายังโรงพยาบาลได้รวดเร็วที่สุดเพื่อรีบช่วยชีวิต การแก้ปัญหาจราจรอาจเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเกินไปจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกบทบาทของคนธรรมดาให้เป็น First Responder หรือผู้ที่เข้าช่วยเหลือก่อนถึงมือหมอในโครงการ BNH SOS@Hotel

นพ.นพรัตน์ พานทองวิริยะกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช

นพ.นพรัตน์ พานทองวิริยะกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เกิดการสูญเสียจากการที่ช่วยชีวิตไว้ไม่ทันก็มากมาย หรือช่วยทันแต่ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างก็มีไม่น้อยการที่คนทั่วไปมีความรู้ความสามารถในการช่วยชีวิต ปั๊มหัวใจเป็นหรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นไม่ให้คนไข้ต้องเสียเลือดมากก่อนที่จะถึงมือแพทย์ก็จะช่วยลดการสูญเสียได้ไม่มากก็น้อย โรงพยาบาลบีเอ็นเอชจึงได้เดินเครื่องเริ่มต้นโครงการ BNH SOS@Hotel ขึ้นมา โดยได้ออกแบบหลักสูตรอบรมการปฐมพยาบาลและการช่วยชีวิตหลักสูตรแบบเข้มข้น เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเมื่อจบหลักสูตรแล้วสามารถนำความรู้ความสามารถไปช่วยชีวิตผู้อื่นเมื่อประสบเหตุได้จริงๆ ดังนั้นเนื้อหาหลักสูตรจึงอัดแน่นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ มีการสอบโดยจำลองสถานการณ์เสมือนจริงที่ทุกคนต้องลงมือทำ มีแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลมาเป็นผู้สอนและควบคุมการปฏิบัติให้อย่างใกล้ชิด ที่สำคัญหลักสูตรนี้เป็นการ “ให้” โดยไม่มีเงื่อนไข”

“เมื่อมีหลักสูตรพร้อมแล้ว เฟสแรกเราจึงลองนำเสนอโครงการให้แก่พันธมิตรของโรงพยาบาลนั่นคือกลุ่มโรงแรมต่างๆ
ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดี และเป็นที่มาของชื่อโครงการ BNH SOS@Hotel ครับ” นพ.นพรัตน์ กล่าวต่อ “เป้าหมายคือเราต้องการสร้างบุคลากรของโรงแรมให้เป็น First Responder คือช่วยเหลือได้และสามารถถ่ายทอดความรู้ต่อๆ ไปได้ด้วย เพราะโรงแรมเหมือนจุดรวมตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ ดังนั้นการนำ BNH SOS@Hotel เข้ามานำเสนอให้กับบุคลากรของโรงแรม จึงเป็นเรื่องที่โรงแรมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากบุคลากรของโรงแรมเองจะได้เพิ่มขีดความรู้ความสามารถแล้ว ยังเพิ่มความอุ่นใจแก่นักท่องเที่ยวตลอดเวลาที่พักอยู่ในโรงแรมอีกด้วย” จากวันนั้นถึงวันนี้ BNH ได้ร่วมมือกับบุคลากรชาว SOS@Hotel แล้วถึง 125 คน จาก 60 กว่าโรงแรม เสียงตอบรับของโครงการนี้ดีจนกระทั่งผู้เข้าอบรมรวมตัวกันตั้งเป็นชมรม SOS@Hotel ขึ้นมา เพื่อสร้างเครือข่าย SOS members ให้สามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อเกิดเหตุการณ์

บรรยากาศการเรียน

ภาคปฏิบัติในชั้นเรียน การปฐมพยาบาลผู้ป่วยกระดูกหัก

นอกจากคอร์สอบรมแล้ว โรงพยาบาลบีเอ็นเอชยังมองไปถึงการ support ผู้ที่เข้าช่วยเหลือด้วย ที่ในบางกรณีนั้นไม่สามารถทำได้เพียงลำพังต้องมีกำลังสนับสนุน ผู้เข้าอบรมทุกคนจะได้รับการแนะนำให้ download application SOS@Hotel มาใช้ ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่โรงพยาบาลได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ โดย SOS members สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือมายังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลบีเอ็นเอชได้ทันทีเมื่อพบผู้ประสบเหตุ รวมทั้งสามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมในระหว่างที่ชาว SOS ให้ความช่วยเหลือหรือต้องการตัดสินใจบางอย่างที่ต้องให้ทีมแพทย์ช่วย นั่นหมายถึง ชาว SOS และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช เชื่อมต่อกันอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง

ภาคปฏิบัติในสถานการณ์จำลอง-ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทางน้ำ

“เมื่อถึงเวลาที่ SOS member ทุกคนจะต้องแสดงฝีมือ เขาจะมีเราช่วยเขาอยู่เบื้องหลังผ่าน Application ที่ให้เขาโหลดไว้ใช้กัน ทันทีที่สัญญาณขอความช่วยเหลือดังขึ้น แพทย์แผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉินที่คอยเฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา ก็จะทราบ
แล้วว่าเกิดเหตุที่พิกัดใดในกรุงเทพฯ และจะรีบติดต่อสอบถามอาการกับ SOS member เพื่อเข้าช่วยเหลือ และส่งทีมแพทย์-พยาบาลและรถพยาบาลไปรับคนไข้ส่งโรงพยาบาลจุดนี้เองที่ทำให้ทีมมีความมั่นใจที่จะช่วยผู้ประสบเหตุ” นพ.นพรัตน์ กล่าวเสริม

ภาคปฏิบัติในสถานการณ์จำลอง-ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทางรถยนต์

วันนี้ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กำลังขยับขยายโครงการออกไปยังกลุ่มที่มีกำลังสามารถเป็น First Responder แบบ SOS member ได้ เช่น โรงเรียน บริษัทสำนักงาน ฯลฯ โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่การสร้างบุคลากรคุณภาพ SOS member ให้แก่สังคมให้มากที่สุด เพื่อลดอัตราการสูญเสียและช่วยชีวิตได้อย่างทันท่วงที