จากความเชื่อแต่โบราณที่ว่า ปล่อยเต่าแล้วได้บุญ จะทำให้มีอายุยืน ทำให้หลายคนเลือกการทำบุญด้วย “การปล่อยเต่า” เพราะคิดว่า การให้ชีวิตสัตว์ที่มีอายุขัยยาว จะทำให้ตนมีอายุยืนนับร้อยปีเหมือนเต่า ความเชื่อนี้ เราคงต้องมาพิจารณากันใหม่นะครับ เพราะในปัจจุบันนี้ พบว่า “ชนิด” ของเต่าที่ปล่อย และ “สถานที่” ที่นำเต่าและตะพาบน้ำไปปล่อยนั้น กลายเป็น “พาเต่าไปสุสาน” เลยครับ เนื่องจาก
– เต่าบางประเภทที่นำไปปล่อยนั้น เป็น”เต่าบก” แต่ดันนำไปปล่อยในแหล่งน้ำ ทำให้เต่าจมน้ำตาย
– บ่อน้ำที่นำไปปล่อย ไม่มีทางลาดเอียงหรือทางเดินให้เต่าขึ้นมาพัก ทำให้เต่าไม่มีที่ขึ้นมารับแสงแดด หรือวางไข่
– แหล่งน้ำที่ปล่อย เป็นแหล่งน้ำที่เน่าเสีย ไม่มีการไหลเวียน มีสภาพเป็นกรด ทำให้เต่าติดเชื้อโรค ตาบอด ถูกน้ำกัด และเป็นแผล
– ปล่อยเต่าในแหล่งน้ำขนาดเล็ก คับแคบ โดยเฉพาะในบ่อน้ำในวัดหลายแห่ง ทำให้เต่าอยู่กันแออัด แย่งอาหาร และกัดกัน
– บางแห่งมีคนตกปลาจำนวนมากทำให้เต่าติดเบ็ด ได้รับบาดเจ็บ หรือถูกจับไปกิน
สถานที่ดังกล่าวข้างต้น ทำให้น้องเต่าและน้องตะพาบต้องทนทุกข์ทรมาน บาดเจ็บ และเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา ดังนั้นการปล่อยเต่าเพื่อหวังให้ได้บุญใหญ่ จึงกลับกลายเป็นการทำบาปอย่างมหันต์ เพราะนำเต่าไปปล่อยผิดที่ผิดทาง ทำให้เต่าส่วนใหญ่ต้องตายไป เนื่องจากไม่ใช่แหล่งที่อยู่อาศัยของเขา และที่สำคัญเต่าก็จะเสียชีวิตเนื่องจาก “การขาดอาหาร” ดังนั้นการปล่อยเต่าที่ถูกต้องและได้บุญ จึงต้องปล่อยในถิ่นที่อยู่อาศัยที่แท้จริงของเขาเท่านั้น
● พื้นที่ที่เหมาะสมกับการปล่อยเต่า ได้แก่
บริเวณที่เป็น แหล่งน้ำสะอาด มีทางลาดขึ้นจากน้ำ เพื่อให้เต่าขึ้นบนบกเพื่อรับแสงแดดและวางไข่ได้ มีพืชใบเขียวและสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น ปลา หรือหอย ให้เต่ากินเป็นอาหารธรรมชาติได้
● เต่าที่จะนำไปปล่อย ควรมีลักษณะเช่นไร
ประการแรก เต่าที่นำไปปล่อย ต้อง “ไม่ใช่เต่าบก” ต้องเป็น “เต่าน้ำ” เท่านั้น
“เต่าบกและเต่าน้ำ” นั้น เราสามารถแยกความแตกต่างคร่าวๆ ได้ดังนี้
1.พังผืดที่นิ้วเท้า เราจะพบว่า “เต่าน้ำ” จะมีพังผืดเชื่อมระหว่างนิ้วเท้า แต่จะไม่พบในเต่าบก
2.ลักษณะของผิวหนังที่ขา เราจะพบว่า “เต่าบก” นั้น ขาทั้งสี่จะมีผิวหนังที่เป็นเกล็ด หยาบ และขาจะค่อนข้างกลมมากกว่า (เนื่องจากต้องใช้ขาในการเดิน) ส่วน “เต่าน้ำ” จะมีผิวที่ค่อนข้างเรียบและชุ่มชื่นกว่า
3.อาหารการกิน จะพบว่า “เต่าบก” มักจะเป็นมังสวิรัติ คือกินอาหารที่เป็นพืช ผัก และผลไม้ ส่วน “เต่าน้ำ” มักจะกินสัตว์เล็กๆ เช่น ปลาตัวเล็กและหอย เป็นต้น
ประการที่ 2 ต้องเลือกเฉพาะเต่าและตะพาบพื้นเมืองของไทย โดยไม่ควรนำเต่าต่างถิ่นไปปล่อย เพราะเต่าต่างถิ่น เช่นเต่าแก้มแดง (คนไทยมักเรียกว่าเต่าญี่ปุ่น แท้ที่จริงเป็นเต่าพื้นเมืองของอเมริกาเหนือ) เต่าบิน (หรือเต่าจมูกหมู จากปาปัวนิวกินี) และตะพาบไต้หวัน สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ที่ไม่ควรนำไปปล่อยในแหล่งน้ำของไทย เพราะจะก่อให้เกิดปัญหากับเต่าพื้นเมืองของไทย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมมั่นใจว่าทุกท่านก็คงได้ทราบแล้วนะครับว่า “การปล่อยเต่าอย่างไม่มีความรู้” ในทุกวันนี้ เป็นการ “สร้างบุญ หรือ เพิ่มบาป” ให้กับผู้ปล่อยมากกว่ากัน ดังนั้นก่อนที่เราจะทำบุญด้วยการปล่อยเต่านั้น เราควรจะมีความรู้พื้นฐานอย่างเพียงพอที่จะสามารถนำไปใช้แยกแยะ “ชนิดของเต่า และสถานที่ที่จะนำไปปล่อย” เพื่อให้การทำบุญด้วยการปล่อยเต่าของเรานั้นเป็นการทำบุญที่แท้จริงครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี