เมนูชาววัง “ผัดไทกุ้งสดสูตรชาววัง” และ “บัวลอย 3 สีโบราณ”
เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา และในโอกาสที่กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 234 ปี สถานีโทรทัศน์ PPTV HD ช่อง 36 จึงนำ “สี่แผ่นดิน” เวอร์ชั่นของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล (หม่อมน้อย) กลับมาฉายใหม่ในรอบ 12 ปี เป็นละครชีวิตกึ่งสารคดีที่ไม่ได้ทำเพื่อการค้าหรือความบันเทิง แต่ทำเพื่อรักษาอรรถรสของบทประพันธ์ไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุด พร้อมจัดกิจกรรม “ย้อนสยาม ตามรอยสี่แผ่นดิน’ เปิดโอกาสให้ผู้โชคดีทางบ้านได้เรียนรู้ซึมซับถึงประวัติศาสตร์ ประเพณี และวัฒนธรรม ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อหาของละคร ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5-8 มากยิ่งขึ้น โดยมี หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล, อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ และ ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุลร่วมงาน ณ โรงแรมพระยาพาลาซโซ
เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการ ใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด กล่าวว่า “การนำละครเรื่อง “สี่แผ่นดิน” มาฉายอีกครั้งในรอบ 12 ปี เนื่องในโอกาสที่กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 234 ปี และเฉลิมฉลองที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ถือเป็นวรรณกรรมที่ทรงคุณค่า สมบูรณ์แบบ และทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชผู้เขียน บทประพันธ์ ได้แสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีทุกอย่างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5-8 ที่เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงและส่งผลมาสู่ยุคปัจจุบัน การนำกลับมาฉายครั้งนี้ในระบบเอชดี คมชัดสูง เพื่อสร้างสรรค์งานคุณภาพให้คนไทย โดยเฉพาะเด็กสมัยใหม่ได้ชมกัน”
อ.เผ่าทอง ทองเจือ, ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล (หม่อมน้อย) และ ธีรภัทร์ สัจจกุล
หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับ “สี่แผ่นดิน” กล่าวว่า “สี่แผ่นดิน” ถือว่าเป็นวรรณกรรมของชาติ ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์
ปราโมช เป็นผู้เขียนบทประพันธ์ไว้ดีมาก ท่านถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือ ทั้งในเรื่องของขนบธรรมเนียบ ประเพณี เรื่องวัฒนธรรม รวมไปถึงประวัติศาสตร์ ทางด้านการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศไว้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นในการนำมาทำเป็นละครกึ่งสารคดีนั้น จะต้องพิถีพิถันมากเป็นพิเศษ เพื่อรักษาคุณค่าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และเพื่อรักษาอรรถรสของสื่อไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะสมบูรณ์ได้
ด้าน อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ เผยเกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ผ่านละครสี่แผ่นดินว่า “ด้วยความที่เราสอนเกี่ยวกับเรื่องเครื่องแต่งกาย ผ้าไทยอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ได้ให้เด็กๆ ทำรายงานกลุ่ม ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งกายของสามัญชน กลุ่มละ
10 ปี โดยให้ค้นหาจากหนังสืองานศพ ซึ่งจะมีรูปผู้วายชนม์ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ไล่มาถึงปัจจุบัน ในส่วนของเจ้านายชั้นต่างๆ ก็จะหาข้อมูลที่หอจดหมายเหตุ
เขมทัตต์ พลเดช
นอกจากนี้ ท่านคึกฤทธิ์ยังบรรยายภาพออกมาเป็นตัวหนังสือได้อย่างละเมียดละไมมาก ทำให้เราได้ข้อมูลที่ละเอียด อย่างเช่น การทรงเครื่องใหญ่หรือตัดผมของพระเจ้าแผ่นดิน ที่ไม่บอกวันในบทประพันธ์ แต่ส่วนมากจะทรงวันพุธ และสามัญชนห้ามตัดผมในวันนั้น ดังนั้น ต้องมานั่งคุยกันว่าจะกำหนดเป็นวันไหน เพราะการแต่งกายในอดีตใส่สีตามวัน ตามคำกลอนจากสวัสดิรักษาของสุนทรภู่ ได้แก่ วันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีนวลขาว วันอังคาร สีม่วง-คราม วันพุธสีแสด-เหลือง วันพฤหัสบดีสีเขียว-เหลือง วันศุกร์สีเมฆหมอก และวันเสาร์สีดำ ดังนั้นจึงต้อง มีการใช้โทนสีที่ถูกต้องตามโบราณ โดยเครื่องแต่งกายต้องย้อมสีใหม่หมด เช่น สีม่วง 1 สี ก็มีหลายเฉด ดังนั้น จึงต้องย้อมให้หลากหลายเพื่อความสวยงามและลงตัวที่สุด”
ผู้โชคดีในกิจกรรม “ย้อนสยาม ตามรอยสี่แผ่นดิน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี