ทับหลังปราสาทเขาน้อย
สังคมวันนี้เป็นสังคมของการใช้อำนาจเพื่อเดินหน้าประเทศ อาทิตย์จึงขอตามรอยหาภูมิของการมีอำนาจในอดีตจากการพบจารึกที่ปราสาทเขาน้อยสีชมพู เดิมจารึกนี้ถูกอ้างถึงในหนังสือ Inscriptions du Cambodge vol. V g, เมื่อพ.ศ.2496 โดย
ศ.ยอร์ช เซเดส์ ได้คัดข้อความบางส่วนมาเผยแพร่ต่อมา พ.ศ. 2513 ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงแปลข้อเขียนของ ศ. ยอร์ช เซเดส์ พิมพ์ในหนังสือ ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 4 ต่อมาวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2529 ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้สำเนาจารึก 2 หลัก หลักละ3 สำเนา คือสำเนา “จารึกวัดกุดแต้” มี ๑๐ บรรทัด อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต และสำเนา “จารึกวัดเขาน้อยสีชมพู” มี 35 บรรทัด อักษรปัลลวะ เป็นภาษาสันสกฤต 9 บรรทัด และภาษาเขมร 26 บรรทัด เมื่อตรวจสอบสำเนาจารึกดังกล่าวแล้ว พบว่า “จารึกวัดเขาน้อยสีชมพู” นั้น ตรงกับ “จารึกเขาน้อย” (Khãu Nôi (K.506))ที่ ศ.ยอร์ช เซเดส์ ได้กล่าวถึงในหนังสือดังกล่าว
เนื้อหาจารึกนั้นในส่วนที่ 1 นั้นเป็นภาษาสันสกฤต กล่าวสรรเสริญพระวิษณุ และพระศรีภววรมัน นอกจากนี้ยังกล่าวถึง เชยษฐปุรสวามี ว่าเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับพระเวทเพื่อบูชาพระวิษณุ เนื้อหาส่วนที่ 2 เป็นภาษาเขมร กล่าวถึงขุนนางผู้หนึ่งตำแหน่ง โกลญเชยษฐปุระ (มรตาญโขลญเชยษฐปุระ) แต่ข้อความบางส่วนลบเลือน และส่วนใหญ่เป็นรายชื่อสิ่งของและข้าทาส จึงสันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นรายชื่อสิ่งของและข้าทาสที่เหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้องอุทิศถวายแด่เทวสถาน โดยเฉพาะการพบตราประทับที่มีคำว่า “เกฺษะ” ในรูปของนามศัพท์และกริยาศัพท์ให้ความว่าถ้าเป็นนามศัพท์ “อิ” การันต์ สตรีลิงค์ ปัญจมี และ ษัษฐีวิภักติ เอกพจน์ จะมีรูปเป็น “เกฺษะ” และ “อิ” การันต์ ปุงลิงค์ ษัษฐีวิภักติ เอกพจน์ ก็จะมีรูปเป็น “เกฺษะ” เช่นกันซึ่งมาจาก “กฺษิ” คำศัพท์นี้ แปลว่า การฆ่าทำลายการไป การเข้าหา ในที่นี้เป็นบทคุณ ควรจะแปลว่า ของผู้เข้าหาหรือสำหรับผู้เข้าเฝ้า หมายถึงว่า ผู้เข้าเฝ้าบุคคลสำคัญในปราสาทนั้น ต้องมีบัตรหรือวัตถุอื่นใดที่ได้รับการประทับจากดวงตรานี้แล้ว เป็นเครื่องนำทางในการเข้าเฝ้า คำ “เกฺษะ” ถ้าเป็นกริยาศัพท์ มาจาก“กฺษา” ธาตุ อปัจจัย “อีสฺ” วิภักติ มัธยบุรุษ เอกพจน์ หมวดวิธีลิงค์ ซึ่งแปลความหมายได้หลายอย่าง แต่ความหมายที่เหมาะสมและกลมกลืนที่สุดก็คือ พึงอนุญาต, ควรอนุญาต โดยนัยนี้ สันนิษฐานว่าดวงตราประทับนี้น่าจะใช้เป็นคำสั่งของผู้มีอำนาจ เพื่ออนุญาตให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งทำกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากคำแปลที่ต่างกันระหว่างนามศัพท์กับกริยาศัพท์ ซึ่งมีรูปเหมือนกันคือ “เกฺษะ” นี้ ควรที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า คำใดจะเหมาะสมกว่ากัน เช่น ผู้ได้รับบัตรให้เข้าเฝ้า ก็หมายถึงผู้ได้รับอนุญาต ซึ่งมีได้เฉพาะผู้แจ้งความจำนง ประสงค์จะเข้าเฝ้าเท่านั้น ส่วนคำว่าควรอนุญาต มีความหมายกว้างไปถึงการอนุญาตให้ทำกิจอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ผู้แจ้งความจำนงด้วย ฉะนั้น ในที่นี้ควรใช้คำแปลในรูปของกริยาศัพท์ดูแล้วใกล้เคียงกับสังคมปัจจุบันที่มีมาตราพิเศษให้อำนาจไปจัดการอะไรๆ ให้ดีขึ้นฉะนั้น ส่วนปราสาทเขาน้อยหรือปราสาทเขาน้อยสีชมพู ที่มาของตราประทับนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาน้อยสีชมพู ในเขตตำบลคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ ห่างจากพรมแดน ไทย-กัมพูชา ประมาณ 1 กิโลเมตร เดิมเป็นปราสาทก่ออิฐไม่สอปูนไม่ผสมปูนมี 3 หลัง แต่พังทลายลงคงเหลือแต่ปรางค์องค์กลางกับเนินดินอีก 2 เนินซึ่งพบทับหลังเขาน้อย มีลักษณะศิลปะเขมรแบบสมโบร์ไพกุก ติดอยู่เหนือกรอบประตูทางเข้าปรางค์องค์กลาง จารึกเขาน้อยถือเป็นจารึกที่เก่าแก่ที่สุดในไทย จารึกด้วยอักษรปัลลวะบนแผ่นวงกบประตูปรางค์องค์กลางด้านขวามือของประตู ระบุมหาศักราช 559 ตรงกับพุทธศักราช 1180 เสาประดับประกอบประตูเป็นเสารูปแปดเหลี่ยม มีลายใบไม้ ตามลักษณะศิลปะเขมรแบบกุเลน ประติมากรรมรูปบุคคลมี 4 กร ยืนอยู่เหนือศีรษะกระบือสันนิษฐานว่าเป็นรูปนางทุรคาตอนปราบอสูรควายหรือมหิษาสุรมรรธนี ปราสาทนี้สร้างในพุทธศตวรรษที่ 12 และมีการบูรณปฏิสังขรณ์ในพุทธศตวรรษที่ 15 ถือเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่สำคัญแห่งหนึ่ง
จารึกเขาน้อย
ตราจารึกเกษะ-พึงอนุญาต-สันสกฤต
ปรางค์ที่เหลืออยู่
ปราสาทเขาน้อย
ปราสาทเขาน้อยสามองค์
ปราสาทเขาน้อย (3)
ปราสาทเขาน้อยที่บูรณะแล้ว
ปราสาทส่วนที่เหลืออยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี