พงศ์รัตน์ อรุณวัฒนาพร ร่วมฝึกวิ่งเท้าเปล่า
กระแสการวิ่งเพื่อออกกำลังกายกำลังฮอตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทักษะและเทคนิคการวิ่งให้ชาวรันเนอร์ในโครงการ “Tigerplast presents Human Run 2016 : Unstoppable ชีวิตสนุก...ไม่มีสะดุด” ได้เรียนรู้เคล็ดลับและนำไปใช้อย่างถูกวิธีพลาสเตอร์ปิดแผล ไทเกอร์พล๊าส จึงร่วมกับ นิตยสารอะเดย์ เปิดคอร์ส “Training in the Park” ตอน BARE (FOOT) กับดิน เรียนรู้เทคนิควิธีการวิ่งแบบ Back to Basic โดยมี มร.โยชิโนะ ซึโยชิกูรูแห่งวงการวิ่งเท้าเปล่ามาเทรนให้อย่างใกล้ชิด ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน
มร.โยชิโนะ ซึโยชิ บอกว่า การวิ่งเท้าเปล่าเป็นวิธีการวิ่งดั้งเดิมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณก่อนที่จะมีรองเท้า คนที่วิ่งจะต้องปรับวิธีการวิ่งให้ซับแรงกระแทกให้มากที่สุด เพราะฝ่าเท้าจะสื่อสารกับสมองตลอดเวลาว่าขณะนี้มีการสะเทือนมากน้อยขนาดไหน นักวิ่งเท้าเปล่าจะรู้สึกตลอดเวลาว่า ขณะนี้ ฝ่าเท้า ข้อเท้า เข่า สะโพก และหลังของตนเองมีความรู้สึกจากแรงกระแทกอย่างไร และจะปรับท่าวิ่งของตนเองให้กลายเป็นท่าวิ่งที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง
เด็กๆ ก็สนุกสนานกับการวิ่งเท้าเปล่าได้
“การวิ่งตามธรรมชาติด้วยเท้าเปล่าหรือรองเท้าแบบไม่ยกส้นสูงกว่าปลายเท้า จะทำให้เอ็นร้อยหวายยืดตัวออกขณะวิ่ง นิ้วเท้าทุกนิ้วมีความเป็นอิสระ เท้าจะแผ่ออกตามธรรมชาติขณะลงพื้น ซึ่งการแผ่ออกนี้เป็นกลไกในการซับแรงกระแทกและการทรงตัว ไม่จำกัดการพลิกตัวของฝ่าเท้าในขณะวิ่ง ทำให้กลไกในการซับแรงกระแทกได้ทำงาน เป็นการส่งผ่านข้อมูลเกี่ยวกับการทรงตัวจากเท้าไปสู่สมอง ดังนั้นการวิ่งเท้าเปล่าหรือการวิ่งสไตล์เท้าเปล่าด้วยรองเท้าที่เหมาะสม จะสามารถลด ป้องกัน และแก้ไข การบาดเจ็บจากการวิ่งได้ ในขณะเดียวกันก็จะทำให้กล้ามเนื้ออีกหลายส่วนได้ถูกระดมมาทำงาน ช่วยรับแรงกระแทก ช่วยเรื่องการทรงตัว และทำให้กล้ามเนื้อส่วนล่างทั้งหมดได้ทำงานเต็มศักยภาพของมัน”
มร.โยชิโนะ บอกอีกว่า การวิ่งเท้าเปล่ายังดีต่อกล้ามเนื้อน่องและเท้า เพราะการฝึกวิ่งเท้าเปล่าทำให้ฝ่าเท้าของเราได้สัมผัสกับพื้นโดยตรง ระบบประสาทหลายจุดที่ฝ่าเท้าจะถูกกระตุ้น ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมการทรงตัว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ที่สำคัญนักวิ่งเท้าเปล่าจะลงเท้าเบา เวลาวิ่งจะช่วยลดแรงกระแทกที่ข้อเท้า หัวเข่า สะโพก และหลังโดยอัตโนมัติ และจะปรับท่าวิ่งของตนเองให้กลายเป็นท่าวิ่งที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ทำให้ลดการบาดเจ็บ การวิ่งเท้าเปล่าจะบังคับให้นักวิ่งเอาส่วนหน้าของเท้าลงพื้นก่อนแทนที่จะใช้ส้นเท้า ช่วยลดการบาดเจ็บเรื้อรัง เช่น การเจ็บบริเวณด้านนอกเหนือหัวเข่า โรคข้อเข่านักวิ่ง หน้าแข้งแตกร้าว อีกทั้งยังเป็นการจัดระเบียบร่างกาย การเรียงของนิ้วเท้าจะแผ่ออกเป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้การทรงตัวของเราดีขึ้น ท่าทางในการยืนและเดินของเราจะถูกจัดระเบียบใหม่ให้ถูกต้อง กล้ามเนื้อน่องจะได้รูป และคนที่เท้าแบนก็จะค่อยๆ มีหลังเท้าที่โค้งสวยขึ้นมาได้
มร.โยชิโนะ ซึโยชิ แนะเทคนิคการวิ่งเท้าเปล่า
ด้าน แบ๊งค์-นริศร เมืองรื่น ประธานกลุ่มรองเท้าหาย Barefootrunning กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นในการวิ่งคือต้องการจะลดน้ำหนัก ตอนนั้นวิ่งแบบใส่รองเท้าวิ่งปกติ ตอนนั้นก็สงสัยเรื่องของการหารองเท้าวิ่งว่าทำไมเราต้องใส่รองเท้ารุ่นนั้น รุ่นนี้ ก็คาใจ แล้วพอดีเพื่อนที่วิ่งด้วยกันมีปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้า เข่า จึงชวนไปเข้าคอร์สฝึกวิ่งเท้าเปล่า พอได้เรียนรู้การวิ่งเท้าเปล่า ทำให้เรารู้สึกเลยว่าวิ่งสบายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหนื่อยน้อยลง ก็ค่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆ จะทำให้เราเรียนรู้ธรรมชาติร่างกายของเรา ว่าเราวิ่งท่านี้จะลดการบาดเจ็บลงไปครับ”
บอสหนุ่ม พงศ์รัตน์ อรุณวัฒนาพร แห่งพลาสเตอร์ปิดแผล ไทเกอร์พล๊าส บอกว่าหากได้รับบาดเจ็บหรืออุบัติจากการวิ่งเท้าเปล่า ควรรักษาความสะอาด ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเลือกใช้พลาสเตอร์ปิดแผลไทเกอร์พล๊าสประเภทที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องเตรียมฟิตร่างกายให้พร้อมอย่างสม่ำเสมอ แล้วพร้อมไปพิชิตใจตัวเอง ในงาน “Tigerplast presentsHuman Run 2016: Unstoppableชีวิตสนุก...ไม่มีสะดุด ในวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคมนี้ เริ่มต้นที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ตั้งแต่เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป
แบ๊งค์-นริศร เมืองรื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี