เป็นคุณแม่ยุคใหม่ที่ใส่ใจครอบครัวได้ดีจริงๆ สำหรับ “แก้ว-ศรีสกุล ฟูตระกูล” ที่ผุดธุรกิจ “Little Artist” เอาใจคุณลูกๆ และคุณพ่อคุณแม่ในการเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก รายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทาง TNN2 ช่อง 784 โดยพิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” เชิญเธอมาพูดคุยในรายการ

แก้ว-ศรีสกุล ฟูตระกูล เล่าว่า“ก่อนหน้าที่จะมาเปิด Little Artist ก็ทำธุรกิจโรงแรมของที่บ้าน ชื่อ รอยัล คลิฟ ที่พัทยา ทำมา 15 ปี ทำมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่คือ ที่บ้านจะเป็นครอบครัวที่ฝึกให้ลูกทำงาน ฝึกตั้งแต่แรกเลยก็คือจบปริญญาโทมาจากฮาวาย เรียนมาทางด้านบริหารการท่องเที่ยว Tourism Industry Management ที่ แปซิฟิค ยูนิเวอร์ซิตี้ ฮาวาย สหรัฐอเมริกา

เรียนจบมาปุ๊บโพสิชั่นแรกที่ลงคือ เป็นซีเนียรีเซฟชั่นนิส ที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ก็ยืนอยู่ตรงนั้นสักพักก็วนไปตามแต่ละแผนก ไปหลายๆ แผนก ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานโรงแรมทุกส่วนตำแหน่งสุดท้ายที่ทำก็เป็น มาร์เก็ตติ้งไดเรคเตอร์ ดูแลด้านการตลาด และฝ่ายขายเกือบทั้งหมด รวมทั้งลูกค้าต่างชาติ ก็มีการไปประมูลงานที่ต่างประเทศด้วย

พอเริ่มมีลูกคนโต น้องมะพร้าวตอนนี้อายุ 12 ปีแล้ว คนเล็กน้องกะทิอายุ6 ขวบ เป็นลูกสาวทั้งคู่ กระทั่งน้องมะพร้าว 8 ขวบ ก็มีน้องกะทิ ทีนี้พอมี 2 คนเริ่มวุ่นวาย คือจัดสรรชีวิตไม่ค่อยลงตัว แล้วโรงแรมของที่บ้านก็อยู่พัทยา ลูกเรียนกรุงเทพฯ พอดีโซนโรงเรียนลูกอยู่บางนาแถวๆ ลาซาล บางกอกพัฒนา

พอส่งลูกเสร็จ บางครั้งมีงานต้องไปพัทยา ต้องมีการบริหารเวลากันหน่อยก็เริ่มค่อนข้างเหนื่อย แล้วก็ให้เวลากับลูกน้อยก็เลยกึ่งๆ ขอทางบ้าน แล้วก็กึ่งๆ ดื้อออกมาบอกว่าอยากจะมาดูแลลูกด้วย ตอนนั้นกะว่าจะดูแลลูก 2 คนอย่างเต็มที่ เพราะมีเวลาแล้ว

จากธุรกิจบริหารโรงแรมของตัวเองปัจจุบันก็มีธุรกิจใหม่อีกหนึ่งธุรกิจ คือLittle Artist ถามว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งธุรกิจนี้ขึ้นมา Little Artistก็แปลตรงตัวคือ ศิลปินตัวน้อยๆ ก็ต้องมีอะไรที่เกี่ยวกับเด็กๆ แน่นอน จริงๆ ก็เพราะมีลูกค่ะ แล้วโปรดักแรกๆ ก็มาจากสินค้าที่ลูกใช้

เริ่มแรกเลยจะเป็นอุปกรณ์สี อยากให้ลูกได้ใช้อะไรที่ดีๆ แล้วตอนนั้นเราก็เลี้ยงลูกตั้งแต่เล็ก ค่อนข้างใกล้ชิด ถึงว่าจะต้องไปทำงานก็ใกล้ชิด แล้วก็เห็นลูกทำศิลปะ เด็กๆ เขาก็จะก้ม เด็กทำศิลปะก็ก้มจนสุด แล้วต้องสัมผัสกับสีกับอะไรต่ออะไรเยอะแยะ

เด็กๆ จะเป็นอย่างนี้ตามธรรมชาติ เราจะต้องดู เขาก็ต้องสูดดม นึกถึงปากกาไวท์บอร์ด ตอนนั้นลูกถือปากกาไวท์บอร์ดอยู่แล้วก็ระบาย คือกลิ่นของปากกาขนาดเราเรายังไม่ไหวเลย เด็กๆ เขาก็ไม่รู้หรอกหอมชื่นใจ ก็ดมเข้าไป เราอยู่เมืองนอกเรารู้ว่ามันมีอุปกรณ์เกี่ยวกับสี ที่ปลอดภัยกับเด็กๆแรงบันดาลใจจริงก็คือ เรามีลูก เราใช้ของเองเราใช้ของดี

ส่วนเรื่องโปรดักหรือสินค้าต่างๆ ของ Little Artist นั้น ถามว่าส่วนใหญ่มาจากประเทศอะไร เรามีอยู่ 2 ประเทศเป็นเมนหลักก็คือ สหรัฐอเมริกากับอังกฤษ แล้วปีนี้เปิดตัวเป็นโปรดักของประเทศสเปน อีกหนึ่งประเทศ

ความพิเศษที่เราดูแลใส่ใจในการเลี้ยงลูกมาก ถามว่าเป็นแรงบันดาลใจให้หาของเพื่อพัฒนาของเด็กด้วยไหม ตอนนี้เราเปิดธุรกิจมา 3 ปีครึ่งแล้ว แบรนด์ที่นำเข้ามามี 8 แบรนด์แล้ว ซึ่งเร็วมากเลย ถ้าคนที่ติดตามเรามาตั้งแต่แรก จะมีแค่ 1-2 แบรนด์แล้วก็เป็นโออีเอ็มด้วย ตอนนี้ 8 แบรนด์ส่วนมากแรงบันดาลใจก็คือ เราใช้เองก็เหมือนเป็นการแบ่งปันคุณพ่อคุณแม่คนอื่นๆ ว่าเรามีประสบการณ์มาแล้ว และเป็นสิ่งของที่ดีจริงๆ

แล้วส่วนมากก็เริ่มจากคนรอบตัว ก็คือเพื่อนๆ เพื่อนๆ ที่โรงเรียน เพื่อนๆ ของเรา พอฟีดแบ๊กดี เราก็เออสินค้าตัวนี้ฟีดแบ๊กดีนะ ก็ติดต่อซื้อแบรนด์ จะเป็นลักษณะนี้ เพราะว่าเป็นคนชอบซื้อแบรนด์เลย แล้วเราก็มาสร้างแบรนด์ใช้เขา ก็โชคดีได้รับความไว้วางใจจากโกลบอลแบรนด์ต่างๆทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ก็ให้ความไว้วางใจ Little Artist

เราก็ทำยอดขายให้เขาดี ผลตอบรับดี แล้วคุณพ่อคุณแม่ที่ใช้ก็ฟีดแบ๊กกลับมาตลอด ก็เป็นคนที่ตอบไลน์ เราจะใช้ไลน์
ในการขายช่วงแรก ตอบเอง เพิ่งจะมามีปีนี้ที่แบบเข้ามาเยอะ ก็เลยจ้างทีมงานทำมาร์เก็ตติ้งทำพีอาร์ต่างๆ นอกนั้นเมื่อก่อนในไอจีก็โพสต์เอง ทุกอย่างทำเองหมด

ไฮไลท์ที่น่าสนใจก็อย่างเช่น ตอนนี้ที่เป็นโกลบอลแบรนด์จริงๆ ที่เข้ามามีเลิร์นนิ่งรีซอสเซส เราเพิ่งซื้อแบรนด์มา แล้วก็จะเป็นของที่ใช้ในโรงเรียนอินเตอร์ 99% โรงเรียนอินเตอร์ต้องใช้แบรนด์นี้คือ เขาจะมีเทคนิคในการสอนให้เด็กรู้จักการใช้ภาษาอังกฤษ หรือว่ารู้จักการเรียนเลข แฝงลงไปในของเล่น ถ้าเรามองมันคือทอยส์ แต่ว่าที่ทางต่างประเทศเขาจะเรียกว่า เอ็ดดูเคชั่นทอยส์

แม้กระทั่งแบรนด์ที่ฮิตฮอตตอนนี้ก็คือ บูกี้บอร์ด จะเป็นบอร์ดที่แบบเขียนแล้วลบ แต่มันแฝงความพัฒนาการ แฝงประโยชน์ในการใช้ แล้วก็ใช้ได้ทั้งครอบครัว เพราะเรามีหลายรุ่น แล้วก็จะมีเกี่ยวกับกระติกน้ำ บางทีกระติกน้ำคนว่ามันไม่สำคัญ ลองถามตัวเองเฉลี่ยแล้วเรามีกระติกน้ำ
กี่อัน เดี๋ยวนี้ผู้ใหญ่ก็ใช้นะคะ เพื่อความสะอาดของเราด้วย แล้วเด็กๆ ก็ได้ใช้อย่างปลอดภัย ไม่มีเชื้อรา ไม่มีเชื้ออะไร

ลักษณะนี้ก็คือ เป็นคีย์เวิร์ด เป็นคีย์เลยที่เราเลือกสินค้ามาใช้ คือเราใช้เองก่อน พอมันดีก็บอกต่อ แล้วลูกค้าก็ชอบ คงชอบตรงนี้ แล้วก็ได้ปฏิสัมพันธ์กับเราโดยตรงเลย ช่วงแรกๆ ก็สร้างความคุ้นเคยไปเรื่อยๆ จนเดี๋ยวนี้ก็รู้จักกันไปทั่ว

สำหรับเรื่องของ Creative Parentingตอนนี้คือ เป็นมิสชั่นของบริษัทเราเลยว่า Creative Parenting คือการเลี้ยงลูกแบบสร้างสรรค์ Creative Parenting Attitudeคือก็เริ่มจากตัวเราก่อน เวลาเราเลี้ยงลูก หนึ่งเลยเราให้ความเชื่อใจ บางทีผู้ปกครองบางคนบอกเราต้องเลี้ยงลูกแบบมีพัฒนาการเสริมสร้างด้วย แต่เราต้องไว้ใจด้วยว่าเด็กสมัยนี้เขาเก่งมากๆ นะคะ

ลูกคนโตและคนเล็กเขาก็มีพัฒนาการไปเรื่อยๆ แต่เราต้องสร้างเสริมให้เขาสร้างความมั่นใจ แล้วก็เชื่อใจว่าลูกทำได้มันก็มาโยงกับโปรดักที่เราใช้ต่างๆ มาจากว่าเราให้เขาเล่น แล้วเราเล่นด้วย เหมือนเราโตมาด้วยกัน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่เป็นเทรนด์นี้เยอะ ถ้าเป็นเด็กเล็ก คิดเอง ทำเองบางทีเขาจะไม่เข้าใจ แต่การเล่นไปด้วยพอเขาเจอปัญหา สมมุติเราเล่นเกมอะไรสักอย่าง พอไปเจอ เอ๊ะแล้วหนูจะทำอย่างไรดีคะ นั่นแหละเราก็บอก มันก็จะซึมซับ แล้วก็จะมีการหัดคิดไปในเรื่องต่างๆ ในการดำเนินชีวิตแล้วก็ต้องไว้ใจนะ บางทีเราไปดูแลซะหมดก็ไม่ถูก ส่วนมากจะเลี้ยงลูกปล่อยๆ นิดหนึ่ง ให้เขาดูแลตัวเอง

อย่างเราไม่อยู่ บางทีไปต่างประเทศลูกก็จะสั่งงานพี่เลี้ยง คนรถเอง เวลาเขามีงานต้องไปงาน เขาก็จะบอกพาหนูไปทำผมที่นี่แต่งตัวที่นั่น แล้วก็ถ่ายรูปมาให้คุณแม่ดูว่าหนูแต่งตัวชุดนี้โอเคมั้ย พรุ่งนี้หนูจะไปที่นี่ เพื่อนๆ ก็ยังชอบว่า ลูกเรารู้จักดูแลตัวเองได้ แค่ 7-8 ขวบ เขาก็รู้จักดูแลตัวเองได้แล้ว พี่จะเลี้ยงลูกแนวนี้มากกว่า

ยุคใหม่คุณพ่อคุณแม่ก็จะเห็นว่ามีของเล่นมากมาย ของใช้ของลูกเยอะแยะ ส่วนมากคุณแม่ก็จะช็อปมาให้ลูกเล่น แต่ว่าเราอยากให้คุณพ่อคุณแม่เลือก ช่วยเลือกกับลูก ดูด้วยดูข้างหลังกล่อง คำแนะนำ แล้วก็กลับมาเล่นกับลูก ไม่ใช่ซื้อของเล่นมาเยอะๆ แล้วให้เขาเล่นของเขาเอง เวลาเขาเจอปัญหาก็ไม่รู้จะถามใคร จริงๆ แล้วมันคือ การสร้างปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว เราเล่นได้เดี๋ยวนี้ของเล่นผลิตออกมา เราก็สนุกด้วย แล้วเราก็เล่นไปกับเขา อันนี้แหละทำให้เรามีเวลารู้จักลูก”