อาเซียนเปิดประชุมร่วมจีน-ชาติอ่าวอาหรับ หวังจับมือฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ

27 พฤษภาคม 2568  สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรดาผู้นำจากกลุ่มประเทศอาเซียน จีน และกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) เดินหน้าเปิดประชุมสุดยอดร่วมครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีเป้าหมายเพื่อหาทางจับมือกันรับมือกับความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลก และแรงกระแทกจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ

นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะเจ้าภาพและประธานอาเซียนปีนี้ กล่าวในช่วงเปิดประชุมว่า ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับกลุ่มอ่าวอาหรับจะช่วยให้ทั้งสองภูมิภาคแข็งแรงขึ้น และพึ่งพากันได้มากขึ้นในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน

ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่อาเซียน จีน และ GCC มานั่งโต๊ะเดียวกัน โดยจีนต้องการแสดงจุดยืนว่าเป็น “พันธมิตรที่ไว้ใจได้” ของภูมิภาคนี้

อันวาร์กล่าวว่า “ในช่วงที่โลกกำลังวุ่นวายแบบนี้ ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับ GCC สำคัญกว่าที่เคย” 

กลุ่มประเทศ GCC ที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนอาเซียนก็ประกอบด้วย 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอีกหลายชาติ

เจ้าชายซาบาห์ คอลิด อัล ซาบาห์ มกุฎราชกุมารของคูเวต เผยว่า ทั้งสองภูมิภาคมีศักยภาพสูง และความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้รับมือกับวิกฤตต่าง ๆ ได้ดีขึ้น โดยปีที่แล้ว มูลค่าการค้าระหว่าง GCC กับอาเซียนพุ่งสูงถึง 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.77 ล้านล้านบาท)

ด้านอันวาร์ก็พูดชัดว่า ประเทศในกลุ่ม GCC มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสหรัฐฯ อยู่แล้ว แต่ก็อยากสร้างความใกล้ชิดกับจีนให้มากขึ้นด้วย

แม้อาเซียนจะพยายามรักษาความเป็นกลางระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นโยบายภาษีการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบหนัก โดยเฉพาะกับ 6 ประเทศสมาชิกที่โดนภาษีสูงถึง 32–49%

ล่าสุด ทรัมป์ยอม “พักเก็บภาษี” ชั่วคราว 90 วันให้หลายประเทศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเพิ่งทำข้อตกลงลดตึงเครียดกับจีนไม่นานมานี้ ขณะที่อันวาร์เองก็กำลังผลักดันให้มีการจัดประชุมสุดยอดระหว่างอาเซียนกับทรัมป์โดยตรง เพื่อเคลียร์เรื่องภาษีให้จบ

คอลลินส์ จอง ยู เคียต นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากมหาวิทยาลัยมลายา ให้ความเห็นว่า อาเซียนตอนนี้ดูเหมือนจะเอนเอียงไปทางจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ได้แสดงจุดยืนชัดเจนในกรณีทะเลจีนใต้ ทั้งที่สมาชิกบางประเทศอย่างฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ต่างก็มีปัญหากับจีนในพื้นที่นี้

เขากล่าวเพิ่มว่า “ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป โดยเฉพาะถ้าทรัมป์ยังมีอิทธิพล สหรัฐฯ ก็อาจถอยห่างจากภูมิภาคนี้ และจีนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอีก” 

ขอบคุณข้อมูลจาก : abcnews