10 ก.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Trump sells shift from 'aid to trade' in White House meeting with African leaders ระบุว่า ในการประชุมร่วมกับผู้นำ 5 ชาติของทวีปแอฟริกา ประกอบด้วย กาบอง กินี-บิสเซา ไลบีเรีย มอริเตเนีย และเซเนกัล เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า ตนกำลังเปลี่ยนแนวทางของสหรัฐฯ ที่มีต่อทวีปแอฟริกาจากการช่วยเหลือทางการเงินมาเป็นการค้า และย้ำว่าสำหรับแอฟริกาแล้วสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่ดีกว่าจีน
ทรัมป์ ซึ่งปิดหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) และลดเงินทุนสำหรับโครงการช่วยเหลือชาวแอฟริกัน ได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำทั้ง 5 ประเทศดังกล่าว เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในประเทศเหล่านั้น โดยผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างมิตรภาพในแอฟริกา และตนก็หวังว่าจะได้ไปเยือนสักครั้ง
“เรากำลังเปลี่ยนจากการช่วยเหลือไปสู่การค้า แอฟริกามีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับที่อื่นๆ อีกไม่กี่แห่ง ในหลายๆ ด้าน ในระยะยาว สิ่งนี้จะมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และเป็นประโยชน์มากกว่าสิ่งอื่นใดที่เราสามารถทำร่วมกันได้” ทรัมป์ กล่าว
ในทางกลับกัน ผู้นำแอฟริกาต่างยกย่องประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นนายหน้าเจรจาสันติภาพทั่วโลก และแสดงการสนับสนุนให้ประธานาธิบดีได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งเป็นสัญญาณว่า พวกเขาและผู้นำต่างประเทศหลายคน ดูเหมือนจะได้เรียนรู้แล้วว่าคำเยินยอต่ออดีตนักธุรกิจจากนิวยอร์กผู้นี้นั้นดีเพียงใด
โจเซฟ โบอาไค (Joseph Boakai) ประธานาธิบดีไลบีเรีย กล่าวว่า ตนสนับสนุนความพยายามของทรัมป์ในการทำให้สหรัฐฯ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งอ้างอิงคำขวัญทางการเมืองของทรัมป์ และส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ ในไลบีเรีย ซึ่งทรัมป์ชื่นชมทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของโบอาไกและถามว่าเรียนมาจากที่ไหน ขณะที่ผู้นำไลบีเรียตอบกลับไปว่า ไลบีเรียก่อตั้งโดยทาสที่ได้รับอิสรภาพจากอเมริกา และภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ ดังนั้นตนจึงเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากที่นั่น
บริส กลอแตร์ ออลีกี อึงแกมา (Brice Clotaire Oligui Nguema) ประธานาธิบดีกาบอง กล่าวว่า กาบองไม่ใช่ประเทศยากจน แต่ร่ำรวยในด้านวัตถุดิบ และต้องการพันธมิตรที่จะสนับสนุนและช่วยพัฒนาทรัพยากรเหล่านั้น กาบองยินดีต้อนรับทุกท่านให้มาลงทุน ไม่เช่นนั้นประเทศอื่นๆ อาจมาแทนที่ท่าน ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดขนาดเล็กดังกล่าว ถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ หลายชุดในระยะหลังๆ เพื่อต่อต้านภาพลักษณ์ที่สหรัฐฯ ละเลยทวีปที่จีนได้รุกคืบทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ
“สหรัฐฯ ปฏิบัติต่อแอฟริกาดีกว่าจีนหรือประเทศอื่นๆ มาก ไม่ว่าที่ใดก็ตาม” ทรัมป์ กล่าว
ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ไม่ได้ไปเยือนแอฟริกา แม้ว่าเมลาเนีย (Melania) ภรรยาของเขาจะไปเยือนก็ตาม ซึ่งในปี 2561 นักการเมืองชาวแอฟริกันบางคนตราหน้าทรัมป์ว่าเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ เนื่องจากทรัมป์ใช้คำพูดที่ค่อนข้างแรงกับผู้อพยพชาวแอฟริกาและชาวเฮติ ขณะที่ในเดือน พ.ค. 2568 ทรัมป์ได้พบกับประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซีริล รามาโฟซา (Cyril Ramaphosa) ในบรรยากาศตึงเครียดที่ทำเนียบขาว ท่ามกลางข้อกล่าวหาเท็จที่ร้ายแรงเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาวและการยึดที่ดิน
อย่างไรก็ตาม แต่การประชุมในวันที่ 9 ก.ค. 2568 กลับไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น หลังจากได้รับคำชมเชยจากผู้นำชาติแอฟริกาหลายครั้ง ทรัมป์ก็กล่าวติดตลกว่าเขาสามารถทำแบบนี้ได้ทั้งวัน ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านแอฟริกากำลังรอให้ทรัมป์ประกาศวันประชุมสุดยอดกับผู้นำแอฟริกา ซึ่งอาจเป็นช่วงเดือน ก.ย. 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
คอเนอร์ โคลแมน (Conor Coleman) หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของบรรษัทเงินทุนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (DFC) เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 ก.ค. 2568 ว่าจะให้การสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาโครงการสำหรับเหมืองโปแตชบานิโอ ในเมืองมายุมบา ประเทศกาบอง เพื่อช่วยให้กาบองลดการพึ่งพาการนำเข้า โดยความพยายามของ DFC ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและชุมชนที่ลงทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้วยการเปิดตลาดใหม่ เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า และส่งเสริมเศรษฐกิจโลกที่มั่นคงและมั่งคั่งยิ่งขึ้น
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลทรัมป์ยังคงส่งจดหมายแจ้งประเทศคู่ค้าเกี่ยวกับอัตราภาษีที่สูงขึ้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 2568 และได้เปิดฉากสงครามการค้าครั้งใหม่กับประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนา อีกทั้งยังได้ตัดความช่วยเหลือต่างประเทศจำนวนมากจากสหรัฐฯ สำหรับแอฟริกา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดการใช้จ่ายที่มองว่าสิ้นเปลือง และมุ่งเน้นไปที่วาระ "อเมริกาต้องมาก่อน”
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The Lancet เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าการตัดงบประมาณดังกล่าวอาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 14 ล้านคนภายในปี 2573 ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องการให้ความสำคัญกับการค้าและการลงทุนมากกว่าความช่วยเหลือด้านการกุศล และจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาสเพิ่มเติมให้กับภาคเอชนของสหรัฐฯ
ทั้ง 5 ประเทศที่ได้รับเชิญล้วนมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ได้แก่ แมงกานีส แร่เหล็ก ทองคำ เพชร ลิเทียม และโคบอลต์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้เทคโนโลยีในปัจจุบัน จีนได้ลงทุนอย่างหนักทั่วทวีปแอฟริกาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสกัดทรัพยากร
แต่สหภาพแอฟริกา (AU) ตั้งคำถามว่า แอฟริกาจะสามารถกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ ได้อย่างไร ภายใต้สิ่งที่เรียกว่าข้อเสนอภาษีศุลกากรที่ไม่เหมาะสมและข้อจำกัดด้านวีซ่า ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่นักเดินทางจากแอฟริกา ขณะที่ ทรอย ฟิตเรล (Troy Fitrell) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศกินี ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของสหรัฐฯ
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี