เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่รักษาเกี่ยวกับโรคไตโดยเฉพาะ ถือเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยก็ว่าได้ สำหรับ โรงพยาบาล สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ โดยสร้างขึ้นในโอกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีเดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อมูลนิธิ ที่จะจัดตั้งโรงพยาบาลสำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไต ตลอดจนทำการวิจัยเพื่อหาแนวทางเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคไต ว่าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่ เจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี และครอบครัวสิริวัฒนภักดี เพราะเป็นกำลังใจที่ทำให้ก่อตั้งโรงพยาบาล สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ได้สำเร็จโดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นปองค์ประธานมูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ที่มีพระนามของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อยู่ด้วย ทั้งนี้ กองทัพบกได้ยินดีมอบสิทธิการใช้ที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์จำนวน 13 ไร่ ของกรมแพทย์ทหารบก บริเวณโรงเรียนเสนารักษ์ ถนนพญาไท เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในครั้งนี้
โรงพยาบาล สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ มี “ศ.เกียรติคุณ นายแพทย์ธีรชัย ฉันทโรจน์ศิริ” เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทางรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784ช่วง Focus On พิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดาพูนศิริวงศ์” ได้ตามไปพูดคุยถึงที่มาที่ไปของโรงพยาบาลนี้
ศ.เกียรติคุณ นายแพทย์ธีรชัยฉันทโรจน์ศิริ เล่าว่า “สถาบันโรคไตก่อตั้งเพื่อจุดประสงค์อะไร ถ้าดูจากชื่อแล้วว่า โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ก็คงมีอะไรเกี่ยวข้องกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพราะชื่อเป็นพระนามของสองพระองค์ ที่นำมาเป็นส่วนต้นของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับส่วนท้ายของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แล้วทำไมถึงเป็นสถาบันโรคไต แล้วทำไมต้องมาเกิดตรงนี้ด้วย
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับว่า ถ้าเราจำกันได้ว่าปีนี้เป็น 70 ปี ของการครองสิริราชสมบัติของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ย้อนไป 10 ปีที่แล้ว ปีพ.ศ 2549ก็เป็นปีที่ครบ 60 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ ที่นี้ต้องบอกว่า มีนักธุรกิจในประเทศไทยอยู่ครอบครัวหนึ่ง คือ คุณเจริญ และ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี กับลูกๆ ก็คิดว่าจะทำถวายพระองค์ท่าน ถ้าดูว่าโดยปกติแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดที่จะเสด็จฯ ไปช่วยประชาชนทั่วไปก็เลยคิดกันว่าจะสร้างโรงพยาบาล เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสครบ 60 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติ ก็เลยเป็นที่มาของการสร้างโรงพยาบาล
ทีนี้จะเป็นโรงพยาบาลทั่วไปก็มีทุกแห่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคณะแพทย์ศิริราช รามาธิบดี จุฬาฯ พระมงกุฎฯ โรงพยาบาลของกระทรวงก็ราชวิถี โรงพยาบาลของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศมีหมด ก็เลยคิดว่าปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในประเทศไทยก็คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคไต
ถามว่าผู้ป่วยโรคไตในประเทศไทยตอนนี้มีมากน้อยแค่ไหน ต้องบอกอย่างนี้นะครับว่า ที่เราเดินดูกันอยู่อย่างนี้ เรากำลังจะพูดถึงไตวายระยะสุดท้าย หรือไตวายเรื้อรัง โดยปกติแล้วผู้ป่วยที่เป็นไตวายจะมีอยู่ 5 ระยะด้วยกัน มีอยู่ประมาณ 8 ล้านคนในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เนื่องจากว่าไตอยู่กับเรามาตั้งแต่เกิด ทำงานตั้งแต่วันแรกที่เราเกิดออกมา ถ้ามีความผิดปกติของไตตั้งแต่แรกเกิด บางอย่างเป็นกรรมพันธุ์ บางอย่างเป็นปัญหาของโรคติดเชื้อบางอย่างเป็นปัญหาของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อโตขึ้นเช่น มีครอบครัวเป็นเบาหวาน เป็นโรคหัวใจความดันโลหิต แล้วตัวเองก็เป็นด้วย พฤติกรรมการบริโภค กินทั้งหวาน ทั้งมันทั้งเค็ม เพราะมันแซ่บ
พวกนี้มันก็จะทำให้ต่อไปร่างกายทำงานหนัก อ้วนลงพุง ส่วนใหญ่เกิดจากคนน้ำหนักเยอะด้วย น้ำหนักเยอะนี่มันไม่ได้เป็นเหตุนะ มันเป็นผล ผลจากการกินเยอะพอกินเยอะแล้ว อยู่ดีกินดีผมก็ว่าจะมีปัญหานี้กันง่าย ก็จะเป็นทั้งเบาหวาน ไขมัน ความดันโลหิต หัวใจ แล้วกินเค็ม แถมยังมีบุหรี่ด้วย ซึ่งทำลายเส้นเลือดทั่วตัว ก็เลยทำให้เกิดปัญหาโรคไต เป็นโรคที่ 2 หมายถึงว่าเป็นผลกระทบจากโรคต่างๆ ที่กล่าวมา
ทีนี้มาคิดดูแล้ว 8 ล้านคน ในประเทศ12 เปอร์เซ็นต์ ของประชากร ถือว่าเยอะครับแล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีคนที่เพิ่มขนาดที่ว่าต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมประมาณ1 หมื่นคนต่อปี ราชการทุกแห่งเต็มหมด ศูนย์เอกชนก็เรียกว่าคนเข้าไปใช้บริการเยอะคุณหมอที่ดูแลหรือเชี่ยวชาญทางโรคไตก็ไม่พอ พยาบาลที่ได้รับการฝึกอบรมเต็มที่ก็ไม่พอ ก็เลยคิดว่าถ้ามีโรงพยาบาลอันนี้เกิดขึ้น เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ต้องบอกว่าเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ดูเหมือนว่าเราเคยเสิร์ซดูว่าไต้หวันเคยมี ฟิลิปปินส์เคยมี สหรัฐอเมริกาเคยมี แต่ว่าปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลทั่วไปหมดแล้ว
ด้วยพระกรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานของมูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ รวมทั้งความตั้งใจจริงของ คุณเจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี และคณะแพทย์เข้ามาร่วมก่อตั้ง ก็เลยเป็นโรงพยาบาลแห่งนี้ขึ้นมา
ส่วนเรื่องความครบวงจรของผู้ป่วยโรคไตที่มาสถานที่นี้ คือจะเรียนให้ทราบอย่างนี้นะครับว่า คนที่แนะนำให้สร้างโรงพยาบาลสถาบันโรคไต เป็นอดีตคณบดีของคณะแพทยศาสตร์ศิริราช ศาสตราจารย์นายแพทย์อรุณ เผ่าสวัสดิ์ ท่านก็มองเห็นว่าตรงนี้เป็นปัญหาสำคัญ ที่อยากจะสร้างเพื่อให้เป็นที่เรียกว่า บริการประชาชนขณะเดียวกันมองไปอีกสเต็ปก่อนหน้านั้นก็ต้องหาทางป้องกัน เพื่อไม่ให้คนจะต้องเข้าสู่ภาวะการต้องใช้เครื่องฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียม ประมาณหมื่นคนต่อปี ทำอย่างไรถึงจะลดลงได้
ฉะนั้นที่ว่าครบวงจร เราก็ต้องตั้งแต่คนปกติขอให้มาตรวจสุขภาพ คนที่เริ่มไม่ปกติแล้วเราก็จะมีวิธีการดูแลและรักษารักษาอย่างเดียวไม่พอนะ คุณต้องดูแลตัวเองด้วย ดูแลตัวเองอย่างไร อย่างพฤติกรรมเสี่ยงเช่น สูบบุหรี่ งดได้ไหมฉะนั้นตรงนี้พอมาตรวจคัดกรองแล้วถ้าเป็นก็รีบรักษา เช่นเป็นเบาหวาน ก็ควบคุมให้ดีเพื่อไม่ให้เส้นเลือดมันเสีย ไม่ให้ไตเสีย หรือเป็นความดันโลหิตสูงก็ต้องควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์
ต้องบอกว่าประชาชนทั่วไป แม้กระทั่งหลายๆ คนที่ใกล้ตัวผม ยังบอกว่า ไม่อยากตรวจกลัวเจอ ไม่อยากจะต้องกินยา เพราะกินแล้วจะต้องกินตลอดชีวิต ซึ่งการเจอตอนเริ่มต้นมันจะดีกว่า ถ้าเป็นระยะแรก ระยะสอง สามารถฟื้นฟูกับคืนมาปกติได้ ถามว่าจะหายจากการเป็นโรคไตได้ไหม ต้องบอกว่าการทำงานของไตอยู่ในเกณฑ์ใกล้ปกติ แล้วก็ห่างไกลจากสิ่งที่จะต้องไปเข้าสู่ขบวนการบำบัดทดแทนไต หรือการเรียกว่าฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียม เราจะเรียกว่าฟอกไตแต่จริงๆ ไม่ใช่ ก็คือฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียม
วิธีการรักษาที่เรียกว่าหายขาดได้และไม่ต้องรับประทานยาไปตลอดก็คือการปลูกถ่ายอวัยวะ ที่นี่เราทำตั้งแต่เริ่มต้นคัดกรอง แล้วก็ดูแลฟื้นฟู ตลอดจนรักษาทดแทน และก็ปลูกถ่ายอวัยวะด้วย หรือเปลี่ยนไตที่พูดกันนะครับ ตรงนี้เราเพิ่งเริ่มต้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำมาแล้ว 3 ราย ผลทั้งหมดก็อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งต้องบอกว่าตรงนี้ยังอยู่ในช่วงของที่เราใช้ไตของญาติพี่น้องในการบริจาคอยู่
แล้วก็จากตรงนี้ดูแลรักษาเสร็จ เราก็มีเรื่องของการป้องกันที่เราไปทำที่ต่างจังหวัด ไปรณรงค์ให้ชาวบ้านลดความเค็มของอาหาร คือให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วย ที่สำคัญคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อันนี้จะลำบากมาก แต่ว่าผลการศึกษาที่ออกมาค่อนข้างจะดี ภายในระยะเวลา 2 ปีจะชะลอความเสื่อมของไตได้ แต่เราก็ไม่ทราบว่าต่อไปถ้าคงอย่างนี้ได้เรื่อยๆ ก็จะช่วยได้อย่างมากเลย
นอกจากนั้นก็จะมีเรื่องของการวิจัย เป็นสถาบันแล้วต้องมีงานวิจัย เพื่อให้รู้ว่าคนที่เป็นเบาหวานคนไหนมีโอกาสเป็นโรคไตมากกว่าคนไม่เป็น ตั้งแต่เริ่มต้นจะได้ระวังตัวเพิ่มขึ้น และอีกอันที่สำคัญที่เราทำที่นี่อยู่ประจำทุก 3 เดือน คือการให้ความรู้กับประชาชนตรงนี้เราไม่คิดค่าใช้จ่ายกับประชาชนเลยนะครับ ก็มีแฟนคลับประจำ ทั้งขาจร ทั้งอะไรต่างๆ เรียกว่าเปิดมาเมื่อไหร่ก็เต็มเมื่อนั้น
สำหรับคำแนะนำเรื่องการดูแลสุขภาพไม่ให้เป็นโรคไตนั้น จริงๆ แล้วเรื่องการดูแลสุขภาพต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รสไม่จัด ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็มคือเอากำลังพอดีๆ ส่วนรสเปรี้ยวเผ็ดมันยังเป็นความชอบ อันนี้ก็ไม่ได้เป็นผลโดยตรงกับสุขภาพของทุกคนมากนัก ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามน้ำตาลหนึ่งช้อน แล้วน้ำปลาอีกเหยาะกันสนุกมือเลย เรื่องอาหาร เรื่องพฤติกรรมอะไรที่มันเป็นผลเสียต่อร่างกาย ที่สำคัญที่อยากจะเน้นมากๆ คือเรื่องบุหรี่นะครับ เพราะว่ามันไปทำให้เส้นเลือดทั่วร่างกายเสีย
และที่สำคัญที่สุดนะครับ อยากจะฝากมากๆ เลยก็คือว่า เรื่องของการตรวจสุขภาพ เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่เราใช้ร่างกายมามากพอแล้ว ดูแลเขาสักนิดหนึ่ง ตรวจดูว่าเขายังทำงานดีอยู่ไหม เขายังต้องการความช่วยเหลือจากเราในเรื่องของการดูแลเป็นพิเศษหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นแล้วก็ต้องหาคุณหมอ
เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นของที่นี่จะเหมือนหรือเรียกว่าใกล้เคียงกับโรงพยาบาลรัฐ เช่น รามา ศิริราช จุฬาฯ สิ่งที่แตกต่างกันก็มีอยู่นิดเดียวเท่านั้นเองว่า เนื่องจากตรงนี้เราไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะฉะนั้นคุณหมอที่มาทำงานให้เรา เราก็ต้องให้ค่าตอบแทนที่พอเหมาะ ก็เรียกได้ว่าเกือบเท่ากับเอกชนเลย ก็มีค่าบริการทางการแพทย์ แต่ทุกรอบที่ฟอกเลือดจะมีแพทย์เยี่ยมทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ เพื่อให้การฟอกเลือดได้ผลดีที่สุดที่สำคัญตรงนี้กรมบัญชีกลางถือว่าโรงพยาบาลนี้เหมือนโรงพยาบาลของรัฐ เพราะฉะนั้นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เบิกค่าใช้จ่ายได้ตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง ฉะนั้นถ้าเผื่อมาในกลุ่มนี้เขาแทบจะไม่ต้องเสียส่วนเกินเลย ส่วนเกินที่จะต้องจ่ายเท่ากับคนอื่น มูลนิธิสนับสนุน
ส่วนใครที่อยากรู้เรื่องราวอัพเดทและกิจกรรมต่างๆ ก็มีช่องทางคือเรามีเว็บไซต์ของเรา www.brkidney.orgหรือโทรศัพท์เข้ามา ในขณะเดียวกันเราก็พยายามใช้โซเชียลมีเดียทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค หรือไลน์ หรืออะไรต่างๆ อยู่ และก็รายการต่างๆ ที่เรามีเราก็จะเอาขึ้นไปลงยูทูบ เพื่อที่จะได้ดูย้อนหลังสำหรับคนที่ไม่เคยเข้ามา และเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกคนกลัวครับ ไม่กล้าเข้า นึกว่าจะแพง แต่พอเข้ามาแล้วบอกว่ามันไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย ถ้าเทียบกับโรงพยาบาลเอกชนทั่วๆ ไปแล้วต่างกันประมาณ 30-40%”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี