งานอุ่นไอรัก คลายลมหนาว
งาน “อุ่นไอรักคลายลมหนาว” ณ พระลานพระราชวังดุสิต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ไปจนถึง ๑๑ มีนาคมนั้น ทำให้พระลานพระราชวังดุสิตดาดาษด้วยความงดงามจากไม้ประดับ และการย้อนบรรยากาศสมัยรัชกาลที่ ๕-๗ ให้กลับคืนมาให้หนุ่ม-สาวยุคนี้ได้สัมผัสมิติความสุขที่เคยมีแต่กาล อาทิตย์นี้ขอตามรอยถึงพระราชวังดุสิตภูมิสถานแห่งการเวลาที่สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปครั้งแรกในพ.ศ.๒๔๔๒ นั้นพระองค์ทรงพอพระราชหฤทัยพระราชวังของต่างประเทศที่อยู่ชานเมือง ซึ่งมีพระราชอุทยานกว้างขวางงดงาม เมื่อกลับมาแล้วพระองค์จึงมีพระราชประสงค์สร้างพระราชวังตามแบบประเทศในยุโรปอยู่ชานพระนครตามอย่าง พื้นที่สวนและทุ่งนาซึ่งอยู่ระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมและคลองสามเสนนั้นทำให้พระองค์ทรงพอพระราชหฤทัยว่าเป็นที่เหมาะสมในการสร้างพระราชอุทยานให้เป็นสถานที่สำราญพระราชหฤทัย พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า บริเวณนี้เป็นสถานที่เย็นสบายและมีทำเลดีอยู่ไม่ห่างไกลจากพระบรมราชวังนัก จึงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เงินพระคลังข้างที่อันเป็นส่วนของพระมหากษัตริย์นั้นซื้อที่ดินชายทุ่งนาคือ “ทุ่งสามเสน” ดังกล่าวไว้ และทรงพระราชทานนามว่า “สวนดุสิต” โดยทรงนำชื่อ “วัดดุสิต” ซึ่งเป็นวัดเก่าที่ต้องรื้อไปเพื่อใช้ที่ดินมาสร้างพระราชวังขึ้นใหม่ พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ตัดต้นไม้เป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ร.ศ.๑๑๗ (พ.ศ.๒๔๔๑) ต่อจากนั้นจึงให้มีการตัดถนนขุดคลอง สร้างสะพาน พระราชอุทยาน และสร้างพลับพลาใช้เป็นที่ประทับชั่วคราวขึ้นเป็นครั้งแรก
เมื่อสร้างพลับพลาบนที่ดินแปลงนั้นเสร็จแล้วพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเถลิงพลับพลาประทับเป็นครั้งแรกในวันที่ ๑ มีนาคม ร.ศ.๑๑๘(พ.ศ.๒๔๔๒) หลังจากนั้นทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกำแพงวัง ขุดสระหน้าพระที่นั่ง ทำถนน ขุดคลอง ถมดินและอื่นๆ เพื่อสร้างพระราชวังดุสิตสำหรับพระองค์ทรงพระสำราญพระราชอริยาบถในวันว่างจากพระราชกิจ ในปีถัดมานั้นพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งถาวรขึ้น พระราชทานนามว่า “พระที่นั่งวิมานเมฆ” นับเป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกของพระราชวังดุสิต ครั้งนั้นพระองค์มีพระราชดำรัสสั่งให้ พระราชโยธาเทพ(กอน หงสกุล) เป็นนายงานออกไปรื้อ พระที่นั่งมันตธาตุรัตนโรจน์ จากพระราชวังพระจุฑาธุชราชฐาน ณ เกาะสีชังซึ่งสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๕ เพื่อใช้เป็นพระที่นั่งที่ประทับเวลาพระองค์เสด็จประพาสพักผ่อนพระอิริยาบถริมทะเลเกาะสีชัง ที่ถูกทิ้งค้างไว้จากการเกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ.๑๑๒ โดยพระองค์ไม่ได้เสด็จประพาสหัวเมืองชายทะเลแถบนี้เสียนาน จนพ.ศ.๒๔๓๔ นั้นพระองค์ได้เสด็จฯประพาสเกาะสีชัง และมีพระราชดำริว่า เกาะสีชังเวลานั้นไม่ใช่เป็นที่พระองค์จะเสด็จฯประพาสได้บ่อยๆ จึงยังไม่จำเป็นต้องมีพระที่นั่งถาวร สมควรให้รื้อพระที่นั่งองค์นี้ไปปลูกที่วังสวนดุสิต จะได้เป็นที่ประทับแรมได้โดยสะดวก ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๔๓ เป็นต้นมาจึงได้ทำการรื้อถอนพระที่นั่งมันตธาตุรัตนโรจน์เพื่อนำมาสร้างเป็นพระที่นั่งองค์ใหม่ซึ่งมีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๔๓ พระยาราชโยธาเทพ เป็นแม่งานทำการก่อสร้างอยู่ ๑๙ เดือน จึงแล้วเสร็จ
วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๔ จึงมีการเฉลิมฉลองพระที่นั่งวิมานเมฆองค์นี้ พระองค์ทรงประทับพระที่นั่งนี้อยู่รวมกับสมเด็จพระบรมราชินี พระราชเทวี พระราชธิดาหลายพระองค์ พระราชวังดุสิตนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจัดระเบียบของพระราชวังให้เป็นเขตพระราชฐานฝ่ายหน้าและพระราชฐานฝ่ายในอย่างถาวร ทรงโปรดเกล้าฯให้ขุดคลองใหญ่น้อย สร้างสะพาน สร้างถนนภายในและภายนอก สร้างสวนให้มีธรรมชาติที่ร่มรื่นสร้างกำแพง และประตูรอบพระราชวัง พร้อมกับสร้างพระที่นั่งองค์อื่นๆ อีกเช่นพระที่นั่งอัมพรสถาน พระที่นั่งอภิเษกดุสิต พระที่นั่งราชฤทธิ์รุ่งโรจน์ พระที่นั่งราชฤดี พระที่นั่งสีตลาภิรมย์ และเรือนรับรอง หมู่เรือนไทย โดยเฉพาะพระลานพระราชวังดุสิตนั้นมีพระบรมรูปทรงม้า อยู่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม วันนี้บริเวณพระลานฯ สวนอัมพรและสนามเสือป่า จะเป็นส่วนที่สร้างอุ่นไอรักเช่นเดียวกับงานฉลองพระที่นั่งวิมานเมฆองค์ใหม่ในอดีต พร้อมกับแสดงกิจกรรมทางวัฒนธรรมและพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงกำเนิดรัฐวิสาหกิจเพื่อความเจริญก้าวหน้าแห่งแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี