งาน altar
นักท่องเที่ยวที่ซื้อ Krakow passและชื่นชอบงานจิตรกรรมยุคโบราณ มิวเซียมหนึ่งที่ควรเข้าให้ได้และฟรีด้วยก็คือ Palace of Bishop ErasmusCiolek พระราชวังที่ก่อสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1501 เพื่อเป็นที่พำนักของ ErazmCiolek บิชอปแห่ง Plock และเลขาของพระเจ้า Alexander Jagiellon เนื่องจากเจ้าของพระราชวังเป็นผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะและอุปถัมภ์ศิลปินเป็นจำนวนมาก พระราชวังของท่านจึงได้รับการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยที่สุดในยุคโกธิกโดยได้รับอิทธิพลจากศิลปินแนวเรอเนสซองส์ของอิตาลีด้วย ในช่วงสร้างพระราชวังใหม่ๆ นั้นที่นี่ใช้เป็นทั้งที่พำนักของท่านบิชอปและเป็นสำนักพิมพ์
พระราชวังได้รับการต่อเติมเพิ่มหลายครั้ง เช่น ในทศวรรษที่ 1520 และคริสต์ศตวรรษที่ 15, 16 แต่การต่อเติมที่สำคัญกลับเกิดขึ้นในครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 18 โดยมีการต่อเติมส่วนของ Hall of Virtues และมีการตกแต่งด้วยภาพปูนเปียก และหน้าบรรณ ในปี 1805 พระราชวังตกอยู่ในกำมือของจักรวรรดิออสเตรียซึ่งได้เปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เป็นสถานีตำรวจและคุก ภายหลังสถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่ทำการอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง
อย่างไรก็ดี ในที่สุดหลังจากการเปลี่ยนการปกครองโปแลนด์ในปี 1996 พระราชวังก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเมือง Krakow เมื่อพระราชวังกลายเป็นมิวเซียม การปรับปรุงครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น โดยเงินทุนมากจาก The Citizens’ Committee for the Renovation of Krakow’s Historic Monuments มิวเซียมได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2007 โดยแบ่งเป็น 2 ชั้น เพื่อจัดแสดงผลงานของศิลปินชาวโปลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12-18 โดยในชั้นแรกจัดแสดงผลงานที่ชื่อ Orthodox Art of the Old Polish Republic โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ PolishPainting and Sculpture ก่อนปี 1764 และส่วนคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่เรียกว่า Orthodox Church Art
สำหรับงานจิตรกรรมที่สำคัญสุดของยุคโกธิกตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 คือ Cruxification ofKroznena และ Portrait of King Sigismund II Augustus เนื่องจากมิวเซียมแห่งนี้เสียค่าใช้จ่ายไปมากมายกับการปรับปรุงอาคารทำให้ WladyslawLuszczkiewicz ผู้อำนวยการคนแรกของ National Museum พยายามหาหนทางที่จะไม่ซื้อของสะสมที่มีราคาแพง แต่ของสะสมส่วนใหญ่ก็มิได้น้อยหน้าเพราะผู้อำนวยการแต่ละคนสามารถที่จะต่อรองหาของสะสมมาจัดแสดงได้ในราคาย่อมเยา หรือไปขอมาจากโบสถ์ต่างๆ ที่รื้องานเก่าทิ้ง จากบ้านคหบดีหรือสถานที่ราชการเก่าแก่อีกทางหนึ่ง ดังนั้นไม่เพียงที่นี่จะมีของสะสมตั้งแต่ยุค Romanism, Gothic, ไปจนถึงงานต้นยุคเรอเนสซองส์ที่มีมูลค่าสูงสุด เช่น ของ Durerเท่านั้น ที่นี่ยังมีงานยุคบาโรคสวยๆ ด้วย เพราะในช่วงเวลานั้นงานของศิลปินชาวโปลเริ่มผลิดอกออกผลเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีศพ เช่น งานประดับหลุมฝังศพ เช่น Altar
ไม่เพียงมิวเซียมที่ได้รับการประกาศให้เป็นปูชนียสถานที่ได้รับการดูแลอย่างดีจาก General Conservatorof Monuments นี้จะมีการจัดแสดงผลงานถาวร ที่นี่ยังมีงานนิทรรศการเป็นช่วงๆ ด้วย เช่น นิทรรศการจิตรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับคริสต์ศาสนาของศิลปินยุคปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนในช่วงเวลานั้นก็จะได้รับประสบการณ์กับการพลิกแพลงและการสรรสร้างงานพระแม่มารีและพระบุตรที่มีความหลากหลาย แม้แต่รูปพระเยซูกับสาวกก็มีความแปลกใหม่เช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี