ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ได้มีการเผยแพร่คำแถลงการณ์ของครอบครัว “ณรงค์เดช” โดย ดร.เกษม นายกฤษณ์ และ นายกรณ์ ณรงค์เดช เกี่ยวกับกรณี นายณพ ณรงค์เดช โดยมีรายละเอียดดังนี้
เนื่องจากปัจจุบัน ปรากฏข่าวมากมายในเรื่องของความเกี่ยวพันระหว่างครอบครัวณรงค์เดช กับ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ครอบครัวณรงค์เดช โดย ดร.เกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท เคพีเอ็น นายกฤษณ์ ณรงค์เดช ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เคพีเอ็น และ นายกรณ์ ณรงค์เดช รองประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เคพีเอ็น มีความจำเป็นต้องส่งแถลงการณ์ต่อสาธารณะเพื่อให้ทราบโดยทั่วกันว่า การดำเนินการใดๆของ นายณพ ณรงค์เดช ที่ผ่านมา และต่อจากนี้ ครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
โดยรายละเอียดของสาเหตุที่ต้องแถลงการณ์ในครั้งนี้ เริ่มจากประมาณ 2 ปีที่แล้ว นายณพ ณรงค์เดช ได้ขอความช่วยเหลือจากครอบครัวณรงค์เดช ในเรื่องการจัดหาเงินเพื่อลงทุนซื้อหุ้นใน บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ซึ่งต่อมาครอบครัวณรงค์เดชก็ให้ความช่วยเหลือในการให้ยืมเงินสด การให้นำทรัพย์สินของครอบครัวณรงค์เดช และทรัพย์สินอื่นที่ครอบครัวณรงค์เดชจัดหามาไปเป็นหลักประกันในการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม
แต่หลังจากที่ นายณพ ณรงค์เดช ได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว นายณพ กลับดำเนินการใดๆ โดยใช้ชื่อเสียง ของครอบครัวณรงค์เดชไปแอบอ้างเพื่อประโยชน์ส่วนตนโดยลำพัง โดยทางครอบครัวณรงค์เดชไม่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญหลายประการ ไม่มีส่วนในการรับรู้ถึงรายละเอียดของการดำเนินการเกี่ยวกับการลงทุนดังกล่าว ไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือบริหารงานใดๆในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อการลงทุนที่ผ่านมา แม้นายณพ จะให้ นายกรณ์ ณรงค์เดช ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการฯของ WEH ก็ตาม แต่นายกรณ์ ก็ถูกกีดกันไม่ได้รับรู้ในรายละเอียด หรือร่วมตัดสินใจในการดำเนินการใดๆของ WEH จนนายกรณ์ ตัดสินใจลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทในเวลาต่อมา
ข้อมูลส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับการดำเนินการใน WEH ของ นายณพ ณรงค์เดชนั้น ครอบครัวณรงค์เดชได้รับรู้จากข่าวที่เผยแพร่ทางสาธารณะ ทำให้ทางครอบครัวณรงค์เดชกังวลกับข่าวต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ และชื่อเสียงของครอบครัวณรงค์เดชเป็นอย่างยิ่ง
จึงเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจโดยทั่วกัน และขอเน้นย้ำว่า การดำเนินการใดๆของนายณพ ณรงค์เดช ที่ผ่านมา และต่อจากนี้ ครอบครัวณรงค์เดชไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และหากมีการนำชื่อของกลุ่มบริษัทเคพีเอ็น หรือครอบครัวณรงค์เดช ไปใช้ โดยไม่ปรากฏว่า มีสมาชิกครอบครัวณรงค์เดช อันได้แก่ ดร. เกษม ณรงค์เดช นายกฤษณ์ ณรงค์เดช และนายกรณ์ ณรงค์เดช อยู่ด้วย ขอให้ทราบว่า การกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการแอบอ้าง โดยครอบครัวณรงค์เดชไม่ได้รับรู้หรือให้ความยินยอมทั้งสิ้น โดยจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายณพ ณรงค์เดช ได้เข้าไปซื้อกิจการของ บริษัท บริษัทรีนิวเอเบิล เอเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น (REC) ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็ฯ บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KPNET และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ในสัดส่วน 59.4% แต่ต่อมา นายณพ ถูกนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตประธานบริหาร WEH ฟ้องร้อง เนื่องจากไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้นตามกำหนด และ นายนพพร ได้นำข้อพิพาทยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการแห่งหอการค้านานาชาติ และคณะอนุญาโตตุลาการฯ มีคำสั่งห้ามมิให้จำหน่ายจ่ายโอนหุ้น บริษัท WEH และ KPNET รวมถึงห้ามทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับหุ้นดังกล่าว รวมถึงหุ้นทั้งหมดของ KPNET ไม่ว่ารูปแบบใดๆ
นอกจากนี้ นายนพพร ยังได้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้ เพื่อดำเนินคดีอาญา นายณพ กับพวก 13 ราย ซึ่งรวมถึง นายเกษม ณรงค์เดช ในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ซึ่งศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ฝ่าย นายณพ ก็ได้พยายามออกมายืนยันว่า การได้หุ้นของ WEH เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีความพยายามชำระหนี้ตามสัญญา แต่เป็นความพยายามดำเนินการเพื่อบังคับให้คืนหุ้นเท่านั้น ขณะที่ในส่วนของเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น ฝ่ายของ นายณพ ก็ยังไม่มีการออกมาชี้แจงใดๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี