ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย เป็นอีกหน่วยงานสำคัญที่มีส่วนช่วยมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วยโรคตา การเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆ จากอุบัติเหตุ จนนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น ตลอดเวลาการดำเนินกิจการ 53 ปี ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ได้ทำงานอย่างแข็งขันในการช่วยเหลือผู้ป่วยให้สามารถกลับมามองเห็นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจำนวนมากแต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นอุปสรรคทำให้ยังมีผู้ป่วยรอความช่วยเหลืออีกเป็นจำนวนมากก็เพราะดวงตาที่จัดเก็บได้จากการบริจาคมีจำนวนไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยนั่นเอง
ผศ.พญ.ลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จากการจัดเก็บข้อมูลจนถึงเดือนสิงหาคม 2561 มีผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตาจำนวนกว่า 1,180,000 ราย มีผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายดวงตาไปแล้วประมาณ 13,000 รายและยังมีผู้ป่วยขึ้นทะเบียนรอรับบริจาคดวงตาอีกประมาณ 12,000 ราย จากจำนวนผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตากว่าหนึ่งล้านราย อาจจะดูว่ามีจำนวนมากน่าจะเพียงพอต่อผู้ป่วยที่ยังรอรับความช่วยเหลือ แต่อย่าลืมว่าผู้แสดงความจำนงเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่จึงยังไม่สามารถนำดวงตามาใช้งานได้จึงถือว่าเรายังขาดแคลนดวงตาที่จะนำมาช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายดวงตาที่รอความหวังอีกกว่า 12,000 ราย
“ปัจจุบันดวงตาที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จัดเก็บได้มาจากผู้ป่วยที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล เป็นส่วนใหญ่และไม่ใช่ว่าผู้ป่วยหรือผู้บริจาคที่เสียชีวิตทุกราย เราจะสามารถนำดวงตามาใช้งานได้ เพราะจะต้องมีการคัดกรองคุณภาพความสมบูรณ์
ดวงตาหลังการเสียชีวิต หากเจ้าของดวงตานั้นป่วยด้วยโรคต้องห้ามบางโรค เช่น ไวรัสตับอักเสบบีและซี โรคเอดส์ โรคมะเร็งบางชนิด หรือเคยได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าในกลุ่มนี้ก็ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ เมื่อผ่านเกณฑ์ในเบื้องต้นก็จะนำมาคัดกรองคุณภาพความสมบูรณ์อีกครั้งในห้องปฏิบัติการซึ่งในขั้นตอนนี้ก็จะมีดวงตาที่ไม่สามารถนำไปใช้งานได้เช่นกัน จึงทำให้เหลือดวงตาที่มีคุณภาพความสมบูรณ์นำไปใช้งานได้จำนวนน้อยลง”
ในการจัดเก็บดวงตา ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย เผยว่า ปัจจุบันการจัดเก็บดวงตาจะจัดเก็บดวงตาทั้งลูก เนื่องจากดวงตา 1 ลูก สามารถใช้งานได้ 3 ส่วน ประกอบด้วย กระจกตา ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้งานมากที่สุด เซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ ซึ่งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างกระจกตาและตาขาวและส่วนของตาขาวที่มีลักษณะคล้ายลูกบอลสำหรับการจ่ายดวงตาให้กับผู้รอรับการบริจาค ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จะพิจารณาจ่ายอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม และดูตามความเร่งด่วนของคนไข้แต่ละรายด้วย
ผศ.พญ.ลลิดา ได้บอกถึงโรคหรือความเสี่ยงเกี่ยวกับดวงตาที่อาจนำไปสู่ตาบอดได้นั้นมีหลายโรคโดยเฉพาะโรคกระจกตา เช่น กระจกตาเป็นหนองซึ่งส่วนใหญ่เมื่อรักษาแล้วมักจะเกิดแผลเป็นที่กระจกตา หากเกิดบริเวณขอบกระจกตาไม่กระทบต่อการมองเห็นก็ถือว่าไม่รุนแรง หากแต่เกิดแผลเป็นที่บดบังรูม่านตาจะบดบังการมองเห็นได้ หรือกรณีเซลล์กระจกตาชั้นในเสื่อมสภาพจะเกิดการบวมน้ำ
“อีกหนึ่งโรคที่พบได้ในคนไทยคือโรคกระจกตาโก่ง ในปัจจุบันมีวิธีการควบคุมรักษาได้ เช่น กรณีผู้ป่วยกระจกตาโก่งที่ไม่รุนแรงมาก อาจใช้วงแหวนไปรัดเพื่อปรับความโค้งได้ หรือการใช้แสง UV ฉายไปที่บริเวณกระจกตาเพื่อสร้างความแข็งแรง หรืออีกหนึ่งวิธีคือการใส่สเคอรัลเลนส์(Scleral Lens) ซึ่งเป็นคอนเทคเลนส์แข็งขนาดใหญ่ใส่ครอบถึงตาขาว แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะใช้การรัดวงแหวน การฉายแสงยูวี หรือสเคอรัลเลนส์ อันเป็นแนวทางในการดูแลยืดอายุกระจกตา และช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องปลูกถ่ายกระจกตาได้ แต่ยังมีผู้ป่วยกระจกตาโก่งบางรายที่ยังคงต้องแก้ไขด้วยการปลูกถ่ายกระจกตา”
แม้จะมีผู้แสดงความจำนงบริจาคดวงตามากกว่าหนึ่งล้านราย แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อผู้รอคอย ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย จึงมีแนวทางเชิงรุกในการเพิ่มจำนวนการจัดเก็บดวงตา โดยจัดทำ“โครงการดวงตาสดใส เทิดไท้ 84 พรรษา มหาราชินี” ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข ในการสร้างบุคลากรประจำโรงพยาบาลในสังกัดในการทำหน้าที่เจรจาขอรับบริจาคดวงตาจากญาติผู้ป่วยที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล และจัดเก็บดวงตาผู้เสียชีวิต โดยเป็นโครงการระยะเวลา 5 ปี 2559-2564 โดยจากการทำงานเชิงรุกในปี 2560 เราสามารถจัดเก็บดวงตาได้เพิ่มขึ้นกว่า 1 พันดวงทั่วประเทศ รวมถึงการรณรงค์ขอรับบริจาคดวงตาในรูปแบบอื่นๆ ที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ได้ทำอย่างต่อเนื่อง
“ผู้บริจาคดวงตา 1 ราย สามารถช่วยผู้ป่วยได้หลายราย จึงนับว่าเป็นทานบารมีที่ยิ่งใหญ่ เพราะถือเป็นการมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วย การมีดวงตาที่มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีสามารถดูแลตนเองและคนในครอบครัวของเขาได้ จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมแสดงความจำนงบริจาคดวงตาเพราะการบริจาคดวงตาถือเป็นการทำทานครั้งสุดท้ายเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ท่านจะได้มอบดวงตาที่สดใสให้กับผู้ป่วยกระจกตาพิการที่รอคอยความหวัง”
ผู้มีความประสงค์แสดงความจำนงบริจาคดวงตาได้ที่ ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยชั้น 7 อาคารเทิดพระเกียรติฯ ถนนอังรีดูนังต์โทร.02-2564039-40, 02-2514200-1(ในวันและเวลาราชการ) หรือ http://www.eyebankthai.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี