ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ, รศ.พญ.ดารินทร์ ซอโสตถิกุล แถลงข่าวการจัดงาน
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กองทุนโรคเลือดและมะเร็งเด็ก หน่วยโลหิตวิทยา ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ และศิลปินนักแสดงผู้ประกาศข่าวจัดงานแถลงข่าว การจัดแสดงคอนเสิร์ต “ส่งต่อความหวัง พลังชีวิต เพื่อน้องโรคเลือดและมะเร็งเด็ก” และจัดเสวนาให้ความรู้สถานการณ์โรคเลือดในเด็กปัจจุบัน ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยได้มุ่งมั่นที่จะผลิตผลงานวิชาการและให้บริการทางการแพทย์แก่เด็กอย่างรอบด้าน โดยมีภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 70 ปี ได้สะสมประสบการณ์และพัฒนาด้านการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ระดับนานาชาติ และมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน คือการผลิตกุมารแพทย์ที่มีศักยภาพ ด้วยองค์ความรู้เป็นสถาบันต้นแบบที่มีคุณธรรม และสร้างมาตรฐานเพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงทางกุมารเวชศาสตร์ ทั้งในด้านงานบริการและงานวิจัยในระดับนานาชาติ และมีเป้าหมายคือการดูแลเด็ก ซึ่งเป็นอนาคตของชาติอย่างครบวงจร ทั้งด้านการป้องกันโรค การเสริมสร้างพัฒนาการและฟื้นฟู เพื่อให้ผู้ป่วยเด็กสามารถกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัว และสังคมได้อย่างมีความสุขต่อไป
หัวหน้าสาขาวิชาโรคโลหิตวิทยาและมะเร็งเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์วิทยาลัย กล่าวว่า ในแต่ละปีมีเด็กในประเทศไทยจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 คน ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคเลือดและโรคมะเร็ง โดยโรคที่พบบ่อย ได้แก่ โรคโลหิตจางธาลัสซีเมียโรคเลือดออกง่าย ฮีโมฟีเลีย มะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งสมอง ผู้ป่วยเหล่านี้หากได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว และได้รับการรักษาที่เหมาะสม จะสามารถกลับไปมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตใกล้เคียงกับเด็กปกติได้
อย่างไรก็ตาม โรคส่วนใหญ่เป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องยาวนาน อีกทั้งจำเป็นต้องอาศัยทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญ รวมทั้งได้รับยา เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย และที่สำคัญ คือการดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด
ปัจจุบัน สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งเด็ก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเด็กโรคเลือดและมะเร็งจำนวนมาก โดยมีผู้ป่วยใหม่ได้รับการวินิจฉัยปีละ 80-100 ราย ผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ปานกลาง ถึงรุนแรงมาก จำเป็นต้องได้รับเลือดจากผู้บริจาคทุกๆ 3-4 สัปดาห์อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต ผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลีย จำเป็นต้องได้รับสารช่วยการแข็งตัวของเลือดทางหลอดเลือด ทุกสัปดาห์ตลอดชีวิต ผู้ป่วยโรคมะเร็งจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ผ่าตัด และฉายแสงเป็นระยะเวลา 1-3 ปีขึ้นกับชนิดของโรค ผู้ป่วยบางรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาและการรักษามาตรฐาน จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดซึ่งเป็นการรักษาที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง
ด้วยตระหนักถึงปัญหาในการเข้ารับบริการด้านสุขภาพของผู้ป่วยเด็กโรคเลือดและมะเร็ง สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งเด็ก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้จัดตั้งกองทุน “โรคเลือดและมะเร็งเด็ก จุฬาฯ” ขึ้น เพื่อให้การดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กโรคเลือดและมะเร็งที่ขาดแคลน สนับสนุนยาและการรักษาบางประเภทที่ไม่สามารถเบิกได้จากสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงสนับสนุนค่าเดินทางในการมารับการรักษาและช่วยเหลือครอบครัวที่มีความขัดสนเพื่อให้สามารถมารับการรักษาได้อย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ป่วยเด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถไปโรงเรียนและทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนได้มากขึ้น และช่วยลดความกังวลของผู้ปกครองอีกด้วย
นอกจากคอนเสิร์ตการกุศล “ส่งต่อความหวัง พลังชีวิต เพื่อน้องโรคเลือดและมะเร็งเด็ก”แล้ว ภายในงานยัง จัดงานเสวนาให้ความรู้สถานการณ์โรคเลือด และมะเร็งในเด็ก กิจกรรมแบ่งปันประสบการณ์ของผู้ปกครองและผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาไปแล้ว กิจกรรมการแสดงจากดารา ศิลปินและผู้ประกาศข่าว และพิธีมอบเงินบริจาคเพื่อเข้าสมทบกองทุนฯ ซึ่งงานจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2561 เวลา 13.00 น. ณ ห้อง 1210 ชั้น 12 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขอเรียนเชิญผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังคอนเสิร์ตและกิจกรรมดังกล่าวโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี