ในโลกยุคดิจิทัล การดำเนินชีวิตของคนเราจำเป็นต้องปรับตัวให้รวดเร็วทันตามกระแสชีวิตเร่งรีบ การแข่งขัน ความกดดันในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงที่ทำงานหนัก เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือมีปัญหาเศรษฐกิจ ฯลฯ ส่งผลให้หลายๆคนกลายเป็นคนใจร้อนขี้หงุดหงิด ชอบวีน แถมมีความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว หากเราไม่รู้จักหาวิธีปลดล็อกอารมณ์ หมั่นดูแลจิตใจให้เข้มแข็งเสียแต่เนิ่นๆ ก็จะส่งผลเสียต่อสภาพร่างกายและจิตใจในระยะยาว ข้อมูลจาก ผศ.นพ.สเปญ อุ่นอนงค์ จิตแพทย์ มีข้อแนะนำเพื่อให้ชีวิตผ่อนคลาย เพิ่มพลังให้ร่างกายแข็งแรง ทำอารมณ์ให้สดใสมีความสุขและสนุกกับการดำเนินชีวิตในทุกๆวันกัน โดยเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังนี้…
-หยุดพักและทิ้งเทคโนโลยีลงบ้าง ทุกวันนี้อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเลต คอมพิวเตอร์ รวมถึงเกม และสื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำลายความสมดุลการใช้ชีวิตของเราลง ดังนั้นคุณควรปล่อยวางอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ให้ห่างจากตัวลงบ้าง เพราะการเสพติดเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านั้นมากเกินพอดีนอกจากจะทำให้เรามีความสุขลดน้อยลงแล้ว ยังอาจก่อเกิดโทษและมีปัญหาสุขภาพตามมาอีกด้วย
-จัดสรรเวลาให้เป็น หลายคนใช้เวลามากมายไปกับการทำงานจนมีเวลาดูแลตัวเองและทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวลดน้อยลง วันนี้ลองหันกลับมาสำรวจตัวเองกันดูสิว่าคุณมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ไหม คุณกำลังเหนื่อยเกินไปเนื่องจากปล่อยให้ชีวิตครอบครัวกับชีวิตการทำงานเข้ามาปะปนกันหรือไม่ แล้วลองจัดลำดับความสำคัญของแต่ละด้านในชีวิตดูใหม่ พร้อมกับแบ่งเวลามาสร้างความสุขให้กับตัวเองบ้าง เพราะชีวิตมีหลายด้าน การจัดสรรเวลา และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปตามข้อจำกัดของตัวเองในขณะนั้นดูอีกที เมื่อชีวิตสมดุลอารมณ์ก็จะแจ่มใสและมีความสุขในทุกๆ วัน
-หลีกหนีความจำเจในชีวิตประจำวัน หลาย ๆ คนรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขและสนุกสนานเมื่อได้ทำสิ่งที่แตกต่างออกไปจาก ตารางชีวิตแบบเดิมๆ เช่น การออกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศยามพักเที่ยง แทนที่จะนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะทำงาน เปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน หรือออกไปเรียนรู้โลกกว้างและทำสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทายตัวเอง เช่น ปีนเขาดำน้ำ เล่นดนตรี ท่องเที่ยวสถานที่ใหม่ๆ ฯลฯ เพียงแค่นี้เองคุณก็มีความสุขขึ้นแล้วล่ะ
-หายใจให้ลึกขึ้น ลองสังเกตตัวเองว่าลักษณะการหายใจของคุณเป็นอย่างไร หายใจสั้นๆ ถี่ๆ หายใจยาวๆ หรือช้าๆ การฝึกลมหายใจให้ลึกๆ เข้าออกอย่างช้าๆ ไม่เพียงช่วยทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจลดลงเท่านั้น ยังช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เพราะร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยให้รู้สึกความผ่อนคลายและลดอาการฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย ขี้โมโหได้เป็นอย่างดี รับรองว่าได้คุณจะรู้สึกสบายทั้งกายและใจขึ้นเยอะเลย
-พลังแห่งเสียงเพลง ดนตรีและเสียงเพลงไพเราะๆ เบาๆ ฟังสบายๆ นับเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยหยุดความรู้สึกหรืออารมณ์แย่ๆ ลงได้ให้จิตใจผ่อนคลาย รู้สึกสบายๆ และขจัดการความเครียดได้เป็นอย่างดี เพราะเรามักจะปล่อยอารมณ์ให้คล้อยตามไปกับจังหวะหนักเบาของดนตรีโดยไม่รู้ตัวซึ่งจะช่วยทำให้อารมณ์ด้านลบที่ถูกเก็บไว้ในร่างกายและจิตใจถูกเปิดออก พร้อมช่วยให้จิตใจได้ผ่อนคลาย ก่อให้เกิดกำลังใจและมีสภาวะทางอารมณ์ที่สมดุลรู้อย่างนี้แล้วหันมาสร้างบรรยากาศให้สดใสด้วยเสียงเพลงเบาๆ ภายในบ้าน ระหว่างเดินทาง หรือขณะที่ทำงานในแต่ละวันกันเถอะ
-เขียนไดอารี่ การที่เราได้ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันผ่านออกมาเป็นตัวอักษร นอกจากจะเป็นการได้ทบทวนตัวเองแล้ว ยังเหมือนเราได้ใช้เวลาสั้นๆ คุยกับตัวเองเพื่อระบายอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆออกมา จะช่วยให้รู้สึกสบายใจ เข้าใจความคิด ความรู้สึก และสภาพจิตใจของตัวเองมากขึ้น จึงช่วยให้ผ่อนคลาย สลายอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่ดีลง แถมยังทำให้มองเห็นเรื่องน่ารักๆ ที่สร้างรอยยิ้มและเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ก็ตาม ถ้าใครยังไม่เคยจดบันทึก ก็ลองหาสมุดไดอารี่น่ารักๆ สักเล่มเอาไว้เขียนเพื่อระบายดูนะ
-ใส่ใจธรรมชาติรอบตัว การได้อยู่ใกล้กับธรรมชาติจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากความยุ่งเหยิงต่างๆ ในชีวิตลงได้ ไม่เชื่อลองออกไปนั่งทานอาหารเช้าที่ระเบียงบ้าน เดินชมนกชมไม้ในสวนหลังบ้านดูบ้าง หรือจะออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะสูดอากาศที่ปลอดโปร่ง ดื่มด่ำกับทัศนียภาพที่สดชื่นของธรรมชาติ ไม่ก็ลองซื้อดอกไม้ที่ชอบมาจัดแจกันแล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานหรือในห้องนั่งเล่นดูสักหน่อย เพียงเท่านี้ก็ช่วยทำให้คุณรู้สึกเบิกบาน ความเครียด ความวิตกกังวลลดลงแล้วล่ะ
-ทำในสิ่งที่รัก...รักในสิ่งที่ทำ คนเรามีงานอดิเรกและสิ่งที่ชอบแตกต่างกันไป การได้ทำในสิ่งที่ชอบย่อมส่งผลที่ดีต่อจิตใจของเรา ทำให้เรามีความสุขและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วย ซึ่งบางคนอาจจะไปดูหนังฟังเพลง เล่นกีฬา ปลูกต้นไม้ หรือไปดูคอนเสิร์ต ดูการแสดงต่างๆ ที่ชอบ ล้วนช่วยสร้างความสุขและส่งผลดีต่อจิตใจให้กับเรา เพราะการได้พบปะผู้คน การมีประสบการณ์ใหม่ๆ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี
-ฝึกนั่งสมาธิ เมื่อรู้สึกว้าวุ่นใจ ลองหาสถานที่เงียบๆ นั่งสบายๆ แล้วกำหนดจิตให้สงบอยู่กับลมหายใจของตัวเองดูสัก 5-10 นาที จะช่วยทำให้จิตใจเข้มแข็ง เยือกเย็น ผ่อนคลาย อารมณ์แจ่มใส เมื่อมีปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ จะสามารถพิจารณาได้อย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ฝึกบ่อยๆ นอกจากช่วยลดความเครียดและอาการซึมเศร้าแล้ว ยังทำให้เป็นคนสมาธิดีขึ้นด้วย
-ขอกำลังใจจากคนใกล้ชิด บางครั้งการเก็บสะสมเรื่องที่เราเจอมารวมกัน ก็อาจจะทำให้ความอดทนที่มีขีดจำกัดหมดลง หากเมื่อใดที่คุณรู้สึกไม่ดี การได้พูดสิ่งต่างๆ ออกมาให้ครอบครัวและคนที่คุณรักฟังบ้าง นอกจากเราจะได้ระบายความในใจแล้ว ยังช่วยสร้างกำลังใจ ลดความรู้สึกหงุดหงิดและความเครียดลงได้ เพราะอย่างน้อยการได้พูดอะไรออกไปบ้างก็จะทำให้สิ่งที่ค้างคาอยู่ภายในใจและความคิดบางอย่างคลี่คลายลง เชื่อเถอะว่าดีกว่าเก็บสะสมไว้คนเดียวแน่นอน
จะเห็นว่าการรู้จักปรับสมดุลใจให้ชีวิตผ่อนคลาย เป็นเรื่องไม่ยาก แค่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในแต่ละวัน เพียงแค่นี้คุณก็จะมีความสุขพร้อมกับการมีสุขภาพดีได้ทุกวัน
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี