การต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือนด้วยน้ำใจไมตรีของคนไทย คือมนต์เสน่ห์สำคัญที่สามารถมัดใจของผู้ที่ได้สัมผัสให้หลงใหล และอยากกลับมาสัมผัสอีกครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้สึกเบื่อ และด้วย
เอกลักษณ์ของความเป็นไทยนี่เองที่ถือเป็นจุดเด่นของโรงแรมไทย ชื่อ ดุสิตธานี กรุงเทพ นับจากปี พ.ศ.2513 จวบจนสิ้นปี พ.ศ.2561 คืออายุการให้บริการของโรงแรมที่ประกาศตัวเองชัดเจนว่าเป็นโรงแรมของคนไทย หลังจากปี 2561สิ้นสุดลง ก็หมายความว่าโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ จะปิดให้บริการ เพื่อรอวันกลับมาให้บริการใหม่อีกครั้งเมื่อการก่อสร้างโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่สำเร็จเรียบร้อย  

ในโอกาสที่โรงแรมแห่งนี้จะปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ มีสิ่งหนึ่งที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้ฝากไว้ในความทรงจำของคนในสังคมไทยคือ การจัดแสดงแฟชั่นโชว์ที่เลือกสรรพัสตราภรณ์อันเป็นเครื่องแต่งกายของชนชาติชาวสยามตั้งแต่โบราณกาลมาจนถึงยุคปัจจุบันมานำเสนอให้ทุกคนได้ประจักษ์ถึงความงดงามที่ดำรงอยู่เสมอมาทุกยุคสมัย เสมือนกับไร้กาลเวลา(Timeless Elegance)

ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย และ แขกรับเชิญ ธิติยา ชูโต รองประธานฝ่ายปฏิบัติการโรงแรมดุสิตธานี

รายการแนวหน้าวาไรตี้ โดย เฉลิมชัย ยอดมาลัย จะพาคุณไปสนทนากับผู้อยู่เบื้องหลังแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ เริ่มต้นที่ธิติยา ชูโต รองประธานฝ่ายปฏิบัติการโรงแรมดุสิตธานี

แรงบันดาลใจของการจัดงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มาจากโอกาสครบรอบ49 ปี ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพซึ่งถือเป็นโอกาสของการเฉลิมฉลองความเป็นตำนานโรงแรมไทย และประกาศความสำเร็จในด้านต่างๆ ของโรงแรมให้สาธารณชนได้รับทราบ แฟชั่นโชว์นี้ชื่อ Timeless Elegance (ทามเลสอิลิแกนซ์) ซึ่งเน้นความงดงาม ความสง่างามที่เหนือกาลเวลาของชุดแต่งกายของชนชาติสยามและไทย อันแสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะในเครื่องแต่งกายคนไทยมีความงามสง่าและล้ำค่า ซึ่งดุสิตธานี กรุงเทพ ในฐานะโรงแรมของคนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญข้อนี้ เราจึงต้องการเผยแพร่ความงามสง่านี้ให้โลกได้รับรู้และชื่นชม เราตั้งใจเลือกชุดสุดท้ายของแฟชั่นโชว์เป็นชุดไทยดุสิต ซึ่งงดงามน่าประทับใจมาก โดยนำเสนอชุดแรกด้วยเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์ และเจ้านายชั้นสูง รวมถึงอัครมหาเสนาบดีในยุคกรุงศรีอยุธยา แล้วนำเสนอในลำดับต่อๆ มาด้วยเครื่องแต่งกายในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ตอนกลาง จวบจนยุคปัจจุบัน โดยตั้งใจจบแฟชั่นโชว์ด้วยชุดไทยดุสิต

เมื่อพูดความเป็นไทย ก็ต้องนึกถึงการให้การบริการที่นุ่มนวล มีรสนิยมสูง และมีเอกลักษณ์ และความงามสง่าแบบไทยซึ่งเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก โรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ จึงถือได้ว่าเป็นตำนานของวงการโรงแรมแห่งหนึ่งของโลกด้วย แต่ที่มากกว่านั้นคือ ความภาคภูมิใจของคนไทยที่มีให้กับดุสิตธานี กรุงเทพ มีผู้กล่าวว่า โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ คนไทยทุกคนคือเจ้าของ ซึ่งเมื่อฟังแล้วดิฉันภูมิใจมาก วันนี้ดุสิตธานี กรุงเทพ มีอายุเกือบ 50 ปีเต็ม ตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงแรมแห่งนี้มีความทรงจำมากมายเกินกว่าจะกล่าวได้หมด มีพระราชอาคันตุกะเสด็จมา ณ ที่นี่ และมีบุคคลสำคัญ และคนดังระดับโลกมาเยือนที่นี่มากมายจนเกินจะกล่าวถึงชื่อคนเหล่านั้นได้หมดในเวลาสั้นๆ

ส่วนโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ รูปโฉมใหม่ที่จะเปิดตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะยังคงเอกลักษณ์การให้บริการด้วยความเป็นไทยไว้อย่างแน่นอน แม้เราจะต้องเดินทางเติบโตไปกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัย แต่ขอยืนยันว่าดุสิตธานี กรุงเทพ ยังต้องรักษาเอกลักษณ์การให้บริการด้วยความเป็นไทยไว้อย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

สุรัตน์ จงดา ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย

แฟชั่นครั้งนี้แบ่งกลุ่มเป็น 3 ยุคคือ กลุ่มสยาม ชุดไทยดั่งเดิม ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ไล่เรื่อยมาถึงรัชสมัยของรัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก แล้วไล่เรื่อยไปยุครัชกาลที่ 7 ซึ่งมีความเป็นตะวันตกมากยิ่งขึ้น พอมาถึงในยุคของรัชกาลที่ 9การแต่งกายของคนไทยก็หวนกลับสู่อดีตอันรุ่งโรจน์อีกครั้ง กล่าวได้ว่าการแต่งกายของชนชาวสยามนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา รูปแบบของการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เช่นบางยุคมีเรื่องการบังคับให้สวมหมวก ห้ามนุ่งโจงกระเบน ห้ามนุ่งโสร่ง ห้ามเปลือยอกห้ามห่มสไบ เป็นต้น

มาในยุคปัจจุบัน มีการรณรงค์เรื่องการแต่งกายด้วยชุดไทย ผ้าไทย ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะผ้าไทยสามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับแฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างดีคนรุ่นใหม่ยุคนี้จึงสามารถช่วยผลักดันวัฒนธรรมไทยให้ต่างชาติได้เห็นและเข้าใจ ผ้าไทยมีจุดเด่นมากมาย เช่น ผ้าไหมผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เกิดมาจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ มาจากความประณีต ซึ่งเต็มไปด้วยคุณค่ามากมาย

พีรมณฑ์ ชมธวัช นักออกแบบเครื่องแต่งกายไทย

บอกได้เลยว่า การที่ผ้าไทยกลับมามีความโดดเด่นได้อีกครั้ง ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงช่วยให้คนไทยและชาวโลกเห็นความวิจิตรและมนต์เสน่ห์ของผ้าไทย พระองค์ท่านทรงนำผ้าไทยไปใช้เป็นฉลองพระองค์ และทรงเผยแผ่ให้ชาวโลกได้ประจักษ์ในความงามของผ้าไทย ทรงช่วยชุบชีวิตผ้าไทยให้กลับฟื้นคืนมา หลังจากที่ถูกทอดทิ้งมานานหลายสิบปี สำหรับผมแล้ว ในการทำชุดไทยพระราชนิยม ผมใช้รูปและข้อมูลต่างๆ ที่ได้ศึกษาจากฉลองพระองค์ของพระองค์ท่าน เวลาผมจะทำชุดไทย ผมต้องกลับไปที่พิพิธภัณฑ์ผ้าในพระบรมมหาราชวัง เพื่อไปศึกษาและเก็บรายละเอียดต่างๆ ยิ่งศึกษาก็ยิ่งพบความงามประณีต ความสุนทรียภาพของผ้าไทย ที่พระองค์ท่านพระราชทานกับคนไทย บอกได้คำเดียวว่าทุกอย่างล้วนล้ำค่ามาก ชุดไทยพระราชนิยมแบบต่างๆ คือสิ่งที่พระองค์ท่านพระราชทานให้คนไทยได้ใช้ในวาระต่างๆ อย่างเหมาะสมและลงตัวเช่น ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดาชุดไทยอมรินทร์ ไทยจักรี ไทยบรมพิมาน และไทยดุสิต และที่สำคัญคือ เราสามารถประยุกต์เครื่องแต่งกายของไทยให้เข้ากับกาลเทศะได้อย่างหลากหลาย

คุณผู้อ่านสามารถพบเรื่องราวดีๆที่ครบครันด้วยสาระและบันเทิงได้ในรายการ แนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น.ทางสถานีโทรทัศน์ TNN 2 (ช่อง 784ดิจิตัลทีวี) หรือ True Visions 8 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ผู้หญิงแนวหน้า by คุณแหน