ในขณะที่เราทุกคนกำลังลุ้นว่าสาวงามจากประเทศใดจะได้ครองตำแหน่ง “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในจักรวาล” ซึ่งปีนี้มีความพิเศษสำหรับคนไทย เพราะการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 จัดขึ้นที่ประเทศไทย ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ประเทศไทยได้รับสิทธิ์ให้เป็นเจ้าภาพ แต่วันนี้เราจะพาย้อนกลับไปเมื่อปีพ.ศ.2548 ที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 2 ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้คนไทยได้รู้จัก นาตาลี เกลโบวา สาวงามจากแคนาดา ผู้มาคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2005 และกลาย “น้องฟ้า” ขวัญใจคนไทย มาจนถึงปัจจุบันกับบทบาทใหม่ในฐานะ “โค้ชชิ่ง” (Coaching) ที่สวยระดับจักรวาล
นาตาลี ได้ย้อนความทรงจำไปในวันที่มงลงและทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในฐานะมิสยูนิเวิร์ส 2005 ว่า “บอกตามตรงว่าฉันแทบจำอะไรไม่ได้เลยในวินาทีที่ประกาศผล ฉันคิดอะไรไม่ออก ทุกอย่างว่างเปล่า มีแต่ความรู้สึกตื่นเต้น ทันทีที่ชื่อถูกประกาศฉันค่อนข้างช็อกมากกว่า เพราะฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ตำแหน่งนี้เลย แต่แน่นอนว่าฉันดีใจมากที่ถูกเลือกให้เป็นมิสยูนิเวิร์ส”
ในวันที่นาตาลีได้รับตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์ส 2005 เธอมีอายุเพียง 24 ปี เธอยอมรับว่ามันคือการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วสำหรับเด็กสาวที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัย
“มันเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แล้วต้องมาเป็นมิสยูนิเวิร์ส ฉันต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ ฉันไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจมากนัก แต่ฉันก็ตระหนักดีถึงหน้าที่ที่จะต้องทำสิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุดนั้นตอนนั้นคือ ทำทุกอย่างให้เต็มที่เพราะมันเป็นโอกาสที่พิเศษมากๆ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีในตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สฉันได้เดินทางไปทั่วโลก ไปในสถานที่ที่ไม่เคยไปและคงมีไม่กี่คนที่จะได้อย่างนี้ ฉันได้เจอผู้คนมากมาย มองย้อนกลับไปฉันก็คิดว่าถ้าไม่ได้เป็นมิสยูนิเวิร์สฉันจะมีโอกาสอย่างนั้นเปล่าซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่ฉันไม่เคยลืม”
อย่างที่ทราบกันดีว่าหลังจากหมดภารกิจมิสยูนิเวิร์ส 2005 นาตาลี ก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย โดยมีผลงานการถ่ายแบบถ่ายโฆษณา เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าอยู่เป็นระยะ ก่อนจะผันตัวมาทำธุรกิจ และล่าสุดเธอผันตัวเองมาเป็น “โค้ชชิ่ง” (Coaching) ที่เป็นผู้ก่อตั้ง EMPOWERED ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนาศักยภาพของเด็กให้มีทักษะในการ “บรรลุเป้าหมายอย่างมีความสุข” รวมถึงการสร้างคนรุ่นใหม่ให้คิดเช่นผู้ชนะและเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของพวกเขา
ซึ่งเธอเล่าถึงแรงบันดาลใจในบทบาทนี้ของเธอว่า
“ทุกคนเคยมีช่วงเวลาที่ดีและร้ายทั้งนั้น ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ในช่วงเวลาหนึ่งฉันเคยรู้สึกว่าตัวเองจะทำอะไร จะเลือกทางไหน แล้วในวันหนึ่งฉันเดินทางไปภูเก็ต วันหนึ่งเขียนบันทึกเรื่องราวของตัวเอง อยู่ๆ ฉันก็คิดได้ว่า ฉันมีความสามารถในการพูดโน้มน้าว ฉันชอบสอนหนังสือ และฉันคิดว่าฉันมีประสบการณ์มากพอที่จะสามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้ในการที่จะช่วยให้เขาเหล่านั้นสามารถค้นพบตัวเอง หรือช่วยเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของคนหลายๆ คนให้กลายเป็นคนใหม่ที่ประสบความสำเร็จได้ ฉันจึงตัดสินใจมาทำงานการเป็นโค้ชชิ่ง”
หนังสือ I AM WINNER เป็นผลงานเขียนเล่มที่สองซึ่งเธอกลั่นกรองจากประสบการณ์ทั้งหมด เพื่อจะเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากเป็น “ผู้ชนะ”
“ฉันมีความตั้งใจที่จะทำให้คนคนหนึ่งได้เห็นถึงศักยภาพของตนเอง ทุกคนสามารถมีเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ ในหนังสือเล่มนี้จะบอกวิธีที่ทำให้ทุกคนเป็นผู้ชนะในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน ความรัก หรือแม้แต่เรื่องการเงิน ในหนังสือเล่มนี้จะบอกถึง 7 ลักษณะของบุคคลที่จะประสบความสำเร็จ รวมถึง 8 ขั้นตอนที่คุณจะกลายเป็นผู้ชนะได้ และยังมีอีก 5 วิธีปฏิบัติในชีวิตประจำวันที่จะทำให้คุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งถ้าทุกคนทำตามในหนังสือเล่มนี้ทุกคนเป็นผู้ชนะได้หมด ซึ่งคีย์เวิร์ดสำคัญของหนังสือเล่มนี้ที่จะนำคุณไปสู่การเปลี่ยนแปลงนั่นคือ “ถ้าคุณ
คิดว่าคุณทำได้คุณก็ชนะในสิ่งนั้นแล้ว”
เมื่อถามถึง “ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ” ในมุมมองของโค้ชชิ่งหญิง นาตาลี บอกว่า “ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ คือ
ผู้หญิงที่มีความมั่นใจ ใจกว้าง มีความอยากเรียนรู้ กล้าหาญและยืดหยุ่น ที่สำคัญคือการเป็นผู้หญิงที่มีเป้าหมาย และรู้ว่าจะทำอย่างไรให้เดินไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับตัวฉัน ฉันคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ เพราะฉันสามารถทำสิ่งต่างๆ ที่ตั้งใจไว้ได้ฉันมีครอบครัวที่สวยงาม ฉันรักประเทศไทย ทุกวันฉันจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความมุ่งมั่นตั้งใจในการใช้ชีวิต”
ในวันนี้ถือว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีหลายบทบาทที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของภรรยา บทบาทของแม่ และการเป็นโค้ชชิ่ง ซึ่งเธอบอกว่าทุกบทบาทมีความสำคัญกับเธอทั้งสิ้น
“ฉันจะเลือกใช้เวลาทำในสิ่งที่ดีที่สุด จัดลำดับความสำคัญและจดทุกสิ่งที่ฉันต้องการทำ โดยจะเลือกทำในสิ่งที่สำคัญก่อนเสมอ และจะตัดกิจกรรมที่ไม่มีประโยชน์หรือไม่ชอบออกไป เช่น การใช้เวลาอยู่กับโซเชียลมีเดีย หรือ ดูทีวี”
หลายคนคงอยากรู้ว่าแม้เวลาผ่านมาถึง 13 ปีแล้วแต่ทำไมเธอถึงยังคงความงามไม่ต่างจากวันที่ได้รับตำแหน่งนาตาลี บอกว่าไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรเลยนอกจาก “คิดบวก”
“การคิดบวกทำให้คนสวย มันฟังดูน่าเบื่อ แต่เป็นเรื่องจริงเมื่อคุณเผื่อแผ่ความรักและความคิดบวกให้กับผู้อื่น สิ่งนี้มันจะแสดงให้โลกเห็นและทำให้ผู้คนต่างสนใจคุณอยู่เสมอได้จริงๆ”
มาถึงบรรทัดนี้ผู้อ่านคงได้ทราบแล้วว่าสาวงามจากประเทศใดคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2018 ไปครอง ในฐานะมิสยูนิเวิร์สรุ่นพี่ เธอมีคำแนะนำส่งท้ายถึงมิสยูนิเวิร์สคนใหม่ว่า “ฉันยินดีกับผู้ที่ได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส 2018 ฉันขอให้เธอมีความสุขและจงภูมิใจกับสิ่งนี้ ตั้งใจทำหน้าที่ของมิสยูนิเวิร์สให้ดีที่สุด เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีจากนี้ เพราะมันคือสิ่งที่มีค่ามากสำหรับคุณเหมือนอย่างที่ฉันเคยได้รับมาแล้ว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี