หลังจากส่ง “ฟาร์มตาเล็ก (Fram de Lek)” ให้กลายเป็นห้องสมุดธรรมชาติสำหรับเด็กๆ และทุกคนในครอบครัว ให้ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตแบบติดดินที่ได้ทั้งความสนุกและประสบการณ์นอกห้องเรียน และคลุกคลีอยู่กับเด็กหลากหลายกลุ่มมานาน ล่าสุด แม่เก๋-เปรมฤดี พันธุ์รัตน์ เพิ่งร่วมกับ 2 คุณแม่เพื่อนซี้ที่มีแนวทางเดียวกันอย่าง ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน และ อีน-นราวดี บัวเลิศ เปิดตัวกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ภายใต้ชื่อ “สปาร์ค เซ็นเตอร์” (Spark Centre) ซึ่งยังคงเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับเด็กแต่ครั้งนี้ สปาร์ค เซ็นเตอร์ ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อ “เด็กที่มีความต้องการพิเศษ”
“เด็กที่มีความต้องการพิเศษนั้นเป็นกลุ่มเด็กที่มีพฤติกรรมและการเรียนรู้ที่แตกต่างไปจากเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน พวกเขาจึงต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดและถูกต้องตามลักษณะเฉพาะบุคคล โดยเพิ่มเติมจากการเรียนรู้ตามธรรมชาติ เพื่อช่วยพัฒนาการในด้านต่างๆ ทั้งร่างกายสติปัญญา และอารมณ์ให้เป็นไปในทางที่ดี ให้เขาพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งที่ผ่านมาสังคมไทยยังมีความเข้าใจที่เกี่ยวกับเรื่องราวของเด็กที่มีความต้องการพิเศษที่ไม่มากพอ และมองว่าเด็กที่มีความต้องการพิเศษเหล่านี้คือปัญหา ภาระ และความเครียดของครอบครัว ทั้งที่จริงๆ แล้ว ถ้าเขาได้รับการวิเคราะห์อย่างถูกต้องและได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธี พวกเขาจะสามารถมีพัฒนาการเชิงบวกได้เช่นเดียวกับเด็กๆ ทั่วไป ซึ่งตัวเก๋เองทำงานอยู่กับเด็กๆ มานาน จึงอยากให้สังคมและคนทั่วไปได้ตระหนักถึงเรื่องราวเหล่านี้ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีลูกเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ อยากให้เข้าใจว่าเขาไม่ใช่เด็กมีปัญหาหรือเป็นภาระ จึงเป็นที่มาของการก่อตั้ง สปาร์ค เซ็นเตอร์ เพื่อริเริ่มจุดประกายความเปลี่ยนแปลงในสังคม ผ่านการให้ความรู้ที่ถูกต้อง พร้อมเสนอกิจกรรมบำบัดทางเลือกให้กับครอบครัวค่ะ”
ผู้ก่อตั้ง แม่เก๋-เปรมฤดี พันธุ์รัตน์, มร.รูเพิร์ต ไอแสคสัน พร้อมทีมงานและอาสาสมัคร เก็จมณี วรรธนะสิน
แม่เก๋-เปรมฤดี เล่าต่อว่า “สปาร์คเซ็นเตอร์” (Spark Centre) ทำงานในรูปแบบของกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) ดำเนินกิจการภายใต้พันธกิจหลัก 4 ประการ คือ A.C.T.S โดย A-Advocate ให้ข้อมูลที่ชัดเจน สร้างการยอมรับความแตกต่าง ให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง, C-Counseling ให้คำปรึกษา เติมกำลังใจและคำแนะนำ สร้างความพร้อมให้กับผู้ปกครองที่ลูกมีภาวะความต้องการพิเศษ, T-Therapy นำเสนอทางเลือกในการบำบัด ส่งเสริมพัฒนาการผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เหมาะสมและ S-Synergy สร้างภาคีเครือข่ายเพื่อให้การสนับสนุนทั้งด้านกิจกรรม การบำบัด การศึกษา และวิชาชีพ
“สปาร์ค เซ็นเตอร์ เป็นกิจการเพื่อสังคม ที่เราไม่ได้มุ่งแสวงหากำไร แต่แน่นอนว่าเราต้องดำเนินธุรกิจให้เติบโตมั่นคง ให้ธุรกิจยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองในส่วนของค่าบริการต่างๆ เราก็คิดให้เหมาะสมกับการจัดต่างๆ ในส่วนของพ่อแม่ผู้ปกครองที่คิดว่าจ่ายไม่ไหวหรือด้อยโอกาสจริงๆ เราก็จะมีส่วนที่รองรับตรงนั้นซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป รวมถึงผลกำไรที่จะเกิดขึ้นเราก็จะนำไปใช้เพื่อการพัฒนาเด็กที่มีความต้องการพิเศษในส่วนอื่นๆ เช่น ให้ทุนการศึกษา ทุนวิจัยสำหรับผู้ที่ทำงานด้านนี้ สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์การศึกษาพิเศษ หรือช่วยเหลือเด็กที่มีความต้องการพิเศษที่ด้อยโอกาสเป็นต้น”
การทำงานที่คลุกคลีกับเด็กและครอบครัวและมานาน แม่เก๋-เปรมฤดี บอกว่า สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเด็กไม่ว่าจะเด็กปกติหรือเด็กที่มีความต้องการพิเศษ นั่นคือ “พ่อแม่ผู้ปกครองและครอบครัว”
“ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมรับและไม่เข้าใจลูก การจะส่งเสริมพัฒนาเด็กย่อมเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ที่มีลูกเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เท่าที่เจอมาพ่อแม่และครอบครัวมักทำใจยอมรับไม่ได้ มีการกล่าวโทษสิ่งอื่นๆ และไม่ยอมที่จะพาลูกไปรับการบำบัด ซึ่งมันเป็นทัศนคติที่เป็นลบต่อลูกเพราะหากพ่อแม่ยอมรับในความแตกต่างของลูก พาเขาไปเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ให้เขาได้รับการบำบัดส่งเสริมพัฒนาการอย่างถูกต้อง ด้วยความรักความเข้าใจ จะพบว่าเด็กๆ เหล่านี้เขามีศักยภาพไม่ต่างจากเด็กปกติทั่วไปหรืออาจจะมีมากกว่าด้วยซ้ำแต่เป้าหมายจริงๆ ของการบำบัดก็คือการที่เด็กจะสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ สามารถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี”
ทีมงาน สปาร์ค เซ็นเตอร์ และฮอร์สบอย
โดยกิจกรรมบำบัดแรก ที่ สปาร์ค เซ็นเตอร์ (Spark Centre) นำมาเปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมาคือ การบำบัดด้วย “เทคนิคฮอร์สบอย” (Horse Boy Method) ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นในปี 2550 โดย มร.รูเพิร์ต ไอแสคสัน แห่งมูลนิธิเดอะฮอร์สบอย (The Horse Boy Foundation) เป็นการผสมผสานระหว่าง อาชาบำบัด (Therapeutic Riding) การบำบัดด้วยการเคลื่อนไหว (Kinetic Learning) และเสริมพัฒนาการระบบประสาท (Brain Building) ในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเทคนิคฮอร์สบอยนี้เหมาะกับกลุ่มเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ที่ต้องการพัฒนาทั้งด้านระบบประสาท สติปัญญา และการเคลื่อนไหว อาทิ ออทิสซึ่ม สมาธิสั้น สภาวะดื้อและต่อต้าน กลุ่มอาการดาวน์ หรือแม้แต่สภาวะสมองพิการ
“เก๋และเพื่อนๆ เราทำงานในเรื่องของการสร้างความรู้ความเข้าใจและความตระหนักต่อเด็กที่มีความต้องการพิเศษนานแล้ว การก่อตั้งสปาร์ค เซ็นเตอร์ จะทำให้การทำงานของเราเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ในระยะเริ่มต้น ในการสร้างบุคลากรที่จะมาทำงานตรงนี้ การค่อยๆ ปรับการดำเนินงานให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือเด็กที่มีความต้องการพิเศษได้อีกมาก มันอาจจะเป็นงานหนักและงานยาก แต่ในฐานะที่เก๋ก็เป็นแม่เช่นกันและเราก็เคยเป็นเด็กมาก่อน เก๋เชื่อว่าเด็กทุกคนเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากนอกจากความรัก ความเข้าใจ และการยอมรับ โดยเฉพาะเด็กที่มีความต้องการพิเศษที่เขาอาจจะไม่สามารถบอกเล่าอะไรให้เราเข้าใจเขาได้เช่นเด็กปกติ ดังนั้น การมาทำตรงนี้ถ้าสามารถช่วยให้สังคมเข้าใจเขามากขึ้น หรือมีเด็กสักคนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ เก๋ก็มีความสุขแล้วค่ะ”
ผู้ปกครองและผู้สนใจต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ หรือต้องการนำบุตรหลานเข้ารับการบำบัด แม่เก๋-เปรมฤดี ทิ้งท้ายว่า วันนี้ “สปาร์ค เซ็นเตอร์” (Spark Centre) พร้อมให้บริการตาม 4 พันธกิจหลัก A.C.T.S แล้ว
โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sparkcentre.net, เฟซบุ๊ค SPARK Centre Thailand, Line ID: @sparkcentre และโทร.096-7743610
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี