เป็นอีกเซเลบริตี้สุดหล่อ “ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช” ที่ทั้งรวย ทั้งเก่ง จนได้รับยา “นักลงทุนตัวพ่อ” หลายคนเกิดคำถาม เขาเริ่มเรียนรู้การลงทุนอย่างไร ซึ่ง ฟลุค เผยว่า เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุประมาณ 19 ปี เมื่อมีโอกาสก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง มีรายได้จากการแสดงก้อนโตช่วงแรกๆ คุณพ่อเข้ามาช่วยบริหารจัดการเรื่องการเงิน โดยเปิดพอร์ตนำเงินไปลงทุนในหุ้น ซึ่งในทุกวันก็จะส่งพอร์ตการลงทุนมาให้ดู ก็เห็นว่ามีขึ้นมีลงไปตามภาวะต่างๆ ทำให้รู้จักการลงทุนด้วยหุ้นตั้งแต่นั้นมา และเมื่อโตขึ้นก็ได้เรียนรู้การบริหารความเสี่ยง และด้วยในปัจจุบันเขาได้ขยายธุรกิจไปหลากหลาย จึงอาจจะทำให้ไม่มีเวลาในการเข้ามาบริหารความเสี่ยงด้วยตัวเอง ดังนั้น จึงต้องมองหาธนาคารที่เป็นมืออาชีพเข้ามาดูแลด้านการเงินและการลงทุน เพื่อวางแผนและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์
ล่าสุด ฟลุค-เกริกพล มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “UOB My Bank My Branch” ฉีกกฎสาขารูปแบบเดิมเจาะกลุ่มลูกค้าสามไลฟ์สไตล์ ทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน/สตาร์ทอัพ และกลุ่มเจ้าของกิจการหรือกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง โดยเขาเป็นตัวแทนกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง มาแชร์เคล็ดลับการลงทุนในสไตล์ฟลุค-เกริกพล
“เราต้องมีเป้าหมายในใจก่อนว่าเราต้องการอะไรจากเงินก้อนนี้ สมมุติว่าคุณเอาเงิน 5 ล้านบาทมาที่ธนาคาร ในหัวของคุณต้องรู้แล้วว่าคุณไม่ต้องการให้เงินก้อนนี้ลดลงเลย แต่อยากให้ค่อยๆ งอกเงยขึ้น ก็จะสามารถตอบได้ระดับหนึ่งแล้วว่าคุณเป็นคนที่ต้องการความเสี่ยงน้อย แต่ถ้าคุณต้องการให้เงินมันเติบโตแบบเยอะๆ และไม่คิดจะเอาออกเหมือนผม ก็แปลว่าคุณเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้สูง สิ่งสำคัญเลยคือ คุณต้องมาพร้อมกับความคิดก่อนว่าคุณต้องการอะไรจากเงินก้อนนี้ และคุณมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้เมื่อไร
ถ้าคุณจะต้องใช้เงินในอีกไม่กี่ปี ก็จะต้องเป็นการลงทุนอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าคุณจะใช้ตอนเกษียณ มันก็เป็นการลงทุนอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นในหัวคุณต้องมาพร้อมกับว่าสู้แค่ไหน สู้ยาวแค่ไหน ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนว่าคุณต้องการจะวิ่ง 4 X 100หรือจะแข่งมาราธอน เราต้องรู้เป้าหมายตัวเองก่อน เราให้เงินทำงานแล้ว เราต้องรู้ว่าเราจะใช้เขาไปทางไหนจากนั้นคุณมาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญว่าสิ่งที่คุณฝัน เป็นไปได้หรือเปล่า คุณไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด เพียงแต่ว่าคุณต้องหาคนที่เก่งที่สุด มาทำงานให้คุณ”
จะเห็นว่า ฟลุค-เกริกพล เป็นเซเลบริตี้หนุ่มที่จัดเต็มเรื่องไลฟ์สไตล์ทั้งกิน ช็อป เที่ยวแบบเต็มที่ แล้วมีวิธีการออมอย่างไร เขาบอกว่า “เคล็ดง่ายๆ ในการลงทุนของผม คือ ต้องวางแผน จัดสรร และมองหาภาระ ซึ่งวางแผนการเงิน คือ การจัดสรรสัดส่วนการเงิน การลงทุน และหาภาระ คือการหาวิธีการเก็บเงิน ผมจะจัดสรรเงินมาลงทุนในคอนโดมิเนียม บ้าน รวมทั้งซื้อของที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น นาฬิกา การลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์หากมีคนแนะนำให้ลงทุนจะฟังๆ ไว้ก่อน จากนั้นก็ลองดู แต่ไม่ต้องเยอะมาก ศึกษาก่อนการลงทุนถึงจะดีกว่า วิธีการลงทุนของผมคือ ซื้อหุ้นอะไรก็ได้ หรือตัวอะไรก็ได้ที่เพื่อนแนะนำ แต่ลงทุนไม่ต้องเยอะ ในหัวของผมคือถ้าเสีย 10% ถือว่าเลี้ยงข้าวเพื่อนมื้อหนึ่ง ถ้าลงต่ำกว่า 10% cut lossทันที
สำหรับอีกด้านคือ หาภาระ ในที่นี้ คือ การหาวิธีที่จะบังคับให้ตัวเองเก็บเงินแบบมีวินัย อาทิ การซื้อประกันแบบออมทรัพย์ การลงทุนในกองทุนเพื่อผลประโยชน์ด้านภาษี การเปิดบัญชีการออม แยกออกมาต่างหาก (เช่น บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงบัญชีฝากประจำ บัญชีกองทุนรวม) โดยเปิดใช้บริการธนาคารออนไลน์ ตั้งคำสั่งซื้ออัตโนมัติโดยโอนเงินจากบัญชีเงินเดือน เข้าบัญชีการออมทุกสิ้นเดือน ก็จะจำกัดตนเองให้ใช้เงินตามจำนวนที่เหลืออยู่ในบัญชีเงินเดือนเท่านั้น ทำให้เป็นการบังคับตัวเองไปในตัว และยังสร้างวินัยการออมเงินได้เป็นอย่างดี ป้องกันการลืมออมเงินได้อีก และจากจุดเริ่มต้นที่คุณพ่อเข้ามาวางแผนการลงทุนให้ฟลุคนั้น จนวันนี้เมื่อถึงรุ่นลูกก็ได้มีการส่งไม้ต่อเช่นกัน โดยฟลุคได้เปิดพอร์ตเก็บเงินให้ลูกชาย พร้อมแนะนำเรื่องการลงทุน ให้ได้เรียนรู้ในการเลือกและรู้จักความเสี่ยงในการลงทุนแต่ละสินทรัพย์
ผมว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะให้ลูกเรียนรู้ แต่เราต้องเรียนรู้ด้วย เพราะหลายอย่างที่ลูกถามเราตอบไม่ได้ เราต้องไปหาความรู้ ได้เรียนรู้เพิ่ม บางอย่างลูกมีศักยภาพด้านเทคโนโลยีสูงกว่าผมด้วยซ้ำ ผมว่าเราต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ ซึ่งบางครั้งเราก็ต้องยอมจ่ายไปกับการเรียนรู้ แม้เราไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี