ผู้แทนระดับสูงกว่า 150 คน จากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และหน่วยงานระหว่างประเทศ ได้ร่วมลงนามเพื่อผนึกความร่วมมือในการพัฒนาเด็กในประเทศไทย พร้อมตอกย้ำถึงความ จำเป็นเร่งด่วนในการที่ประเทศไทยต้องเพิ่มการลงทุนในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มากขึ้น โดยการลงนามเป็นส่วนหนึ่งของงาน “มุ่งมั่นเพื่ออนาคตของเด็กทุกคน” ซึ่งจัดโดยองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ณ อาคารวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงพลังแห่งความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้เด็กทุกคนในประเทศไทยได้รับโอกาสที่เท่าเทียมและสามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ งานนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองครบรอบ 70 ปีของยูนิเซฟ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าหลายด้านในการดำเนินงานเพื่อสิทธิเด็กในประเทศไทย พร้อมตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างแท้จริงในการแก้ปัญหาและสร้างทางออกที่สร้างสรรค์เพื่ออนาคตที่สดใสแก่เด็กทุกคน
ฯพณฯ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า “ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศและภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกับยูนิเซฟในการพัฒนาความเป็นอยู่ของเด็กและเยาวชนไทย เราต้องร่วมมือกันต่อไปในการสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยและสังคมโลกในต่อไป”
ฯพณฯ อานันท์ ปันยารชุน ทูตสันถวไมตรี องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าไปในหลายด้าน ซึ่งยูนิเซฟมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ งานในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มองย้อนกลับไปถึงความสำเร็จที่ผ่านมา และหันมาร่วมมือกันอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยใช้ศักยภาพและทรัพยากรที่พวกเรามีอยู่ เพื่อเข้าถึงเด็กทุกคนในประเทศไทย”
ประเทศไทยมีประชากรกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนที่อายุระหว่าง 10-24 ปี ประมาณ 12 ล้านคน ซึ่งกำลังจะเติบโตขึ้นเป็นผู้กำหนดทิศทางของประเทศในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทยพ.ศ.2558-2559 ชี้ให้เห็นว่ายังมีเด็กวัยมัธยมศึกษาร้อยละ 14 ที่ไม่ได้เข้าเรียน นอกจากนี้ สถิติแรงงาน พ.ศ.2560 ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ยังระบุว่า ประมาณร้อยละ 15 ของเยาวชนช่วงอายุ 15-24 ปี ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา ไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะ
โธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ เราจำเป็นที่จะต้องปรับรูปแบบการทำงานเพื่อตอบสนองกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กและเยาวชนมีความพร้อมสำหรับอนาคต พวกเขาต้องมีโอกาสเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อสามารถใช้ชีวิตและทำงานในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ การร่วมมือกันอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วนทั้งในด้านการวางแผนและการหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการเติบโตในอนาคต”
ภายในงานยังมีการจัดเสวนาพิเศษในหัวข้อ “การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทย:แนวทางการจัดการความท้าทายใหม่ในศตวรรษที่ 21”ซึ่งมีผู้แทนระดับสูงจากภาครัฐ ภาคประชาสังคมและภาคเอกชน มาร่วมสะท้อนบทบาทของแต่ละภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาและยกระดับการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนทุกคนในประเทศไทยอันจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคตต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี