สมาพันธ์เครือข่าย NCDs ประเทศไทย ตื่นตัวหาแนวร่วมแก้ไขปัญหาสาธารณสุขระดับประเทศ นำเสนอพรรคการเมืองขับเคลื่อนนโยบายลดอัตราการเสียชีวิตด้วยโรค NCDs
เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเสวนาเรื่อง “นโยบายด้านสาธารณะเพื่อสุขภาพที่ดี จากมุมมองพรรคการเมือง” โดยตัวแทนจากพรรคการเมือง ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ตัวแทนพรรคเพื่อไทย, ดร.อุดมศักดิ์ ศรีสุทิวาตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา และ พลโทอนุมนตรี วัฒนศิริ ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา ซึ่งสมาพันธ์เครือข่าย NCDs ประเทศไทย นำโดย ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงวรรณี นิธิยานันท์ประธานสมาพันธ์เครือข่าย NCDs ประเทศไทย และ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สมบัติ มุ่งทวีพงษา เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่าย NCDs ประเทศไทย รวมถึงองค์กรหน่วยงานต่างๆ ในเครือข่ายสมาพันธ์กว่า 30 แห่ง ได้ร่วมนำเสนอนโยบายจำเป็นต่อพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อนำไปพิจารณาขับเคลื่อนสำหรับการป้องกันและควบคุมกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงวรรณี นิธิยานันท์ กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การเสียชีวิตในประเทศไทย ปี 2560 พบว่ากว่า 75% หรือประมาณ 320,000 คนต่อปี เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (หรือ Non-Communicable Diseases - NCDs) ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มโรค 4 กลุ่มสำคัญ คือ 1.โรคหัวใจและหลอดเลือด เสียชีวิตถึง 48% 2.โรคมะเร็ง เสียชีวิตถึง 21% 3.โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เสียชีวิต 12% และ 4.โรคเบาหวานเสียชีวิต 3% ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ยังระบุว่าสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตของคนทั่วโลก เกิดจากโรค NCDs ด้วยเช่นกัน ด้วยสถิติสูงถึง 70% ของประชากรทั่วโลก หรือกว่า40 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเกิดจากปัจจัยด้านพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นมลพิษในชีวิตประจำวัน 4 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่ 1.การสูบบุหรี่ ซึ่งรวมถึงการสูดดมเขม่าควัน เช่น PM2.5 ด้วย 2.การบริโภคแอลกอฮอล์ 3.การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ และ 4.การบริโภคอาหารที่หวาน มัน เค็ม เกิน แต่ขาดผักผลไม้ นำไปสู่การเกิดภาวะอ้วน และความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ทั้งนี้ สมาพันธ์เครือข่าย NCDs ประเทศไทย ได้นำเสนอมาตรการที่จำเป็น 6 ประการต่อพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล ประกอบด้วย ١.เพิ่มการเข้าถึงขนส่งมวลชนสาธารณะที่ปลอดภัยและประหยัด เพื่อส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายผ่านการเดิน และสามารถลดมลภาวะจากการใช้รถยนต์ส่วนตัว โดยขอเสนอให้ปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน รถโดยสารสาธารณะเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และปรับเปลี่ยนรถประจำทางเป็นการใช้ไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงภายใน 5 ปี เป็นต้น
٢.เพื่อส่งเสริมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสุขภาพในหน่วยงานภาครัฐและเอกชนโดยมีนโยบายด้านการเสริมสุขภาพ อาทิ การออกกฎหมาย การใช้มาตรการทางการเงินและมาตรการทางภาษี และการปรับเปลี่ยนในองค์กร เพื่อนำไปสู่การสร้างสุขภาวะสร้างรายได้ และเกิดนโยบายทางสังคม เช่น การใช้กลไกในการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อส่งเสริมสินค้าเป็นมิตรต่อสุขภาพ
٣.สวัสดิการ การดูแลสุขภาพหญิงตั้งครรภ์และเด็กแรกเกิดจนถึงเตรียมอนุบาล เนื่องจากสุขภาพและพัฒนาการของทารกเริ่มตั้งแต่การปฏิสนธิอยู่ในครรภ์มารดา เนื่องด้วยสุขภาพของแม่และน้ำหนักตัวทารกตั้งแต่ในครรภ์จนถึงคลอดส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กในอนาคต ซึ่งมีโอกาสในการเกิดโรค NCDs ได้ในอนาคต
٤.นโยบายที่สนับสนุนให้คนไทยสูงวัยอย่างมีคุณภาพ เนื่องด้วยประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ จึงเสนอให้ภาครัฐมีนโยบายประกาศที่ชัดเจนให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีภาระและหน้าที่ในการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อป้องกันและควบคุมโรคให้กับกลุ่มปกติ และกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรค ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของเวลาทำงาน หรือสร้างแรงจูงใจให้มีการปฏิบัติ โดยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เป็นต้น
٥.ขยายโซนสุขภาพ (Heathy Zone) ให้ครอบคลุมทุกชุมชน โดยมีการออกประกาศให้สถานที่นั้นๆ ให้เป็นโซนสุขภาพเพื่อดำเนินกิจกรรมสุขภาพได้ อาทิ สวนสาธารณะ โรงพยาบาล โรงเรียน วัด ชมรม หรือสถานที่เพื่อกิจกรรมทางกาย และมีบริการส่งเสริมให้มีการออกกำลังกาย
٦.การเข้าถึงบริการฉุกเฉินมาตรฐานด้วยระบบสายด่วนฉุกเฉิน นำเสนอให้พัฒนาสายด่วนฉุกเฉินแห่งชาติ ให้เป็นวาระสำคัญอย่างเป็นรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ เป็น one-stop service และเชื่อมโยงกับระบบบริการฉุกเฉินของสถานพยาบาลทั้งของภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกมิติของการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อลดการเสียชีวิตหรือพิการของผู้ป่วย
ประธานสมาพันธ์เครือข่าย NCDs ประเทศไทย กล่าวในตอนท้ายว่า การเสวนาครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการตื่นตัวในการจัดการโรค NCDs ผ่านมุมมองของพรรคการเมือง ซึ่งหากได้เป็นพรรครัฐบาลจัดตั้งจะเป็นการนำพาให้นโยบายเกิดขึ้นจริง ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากทุกพรรคการเมืองที่ร่วมเสวนา โดยตัวแทนจากแต่ละพรรคต่างเห็นตรงกันว่านโยบายทางด้านสุขภาพเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องผลักดัน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของชาวไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี