สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ประกาศความพร้อมจัด “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47” และ “สัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 17” วันที่ 28 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2562 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด“รักคนอ่าน” ชวนสัมผัสกับกิจกรรมพิเศษ “9 สิ่งใหม่ ... เพราะรักจึงจัดให้” พร้อมเวทีเสวนาและกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมายตลอด 11 วัน
นางสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47 และ งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 17 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด“รักคนอ่าน” เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักระหว่างคนทำหนังสือกับคนอ่านหนังสือ ความรักระหว่างคนอ่านหนังสือด้วยกัน รวมถึงความรักที่คนอ่านหนังสือมีต่อคนทำหนังสือ เรียกได้ว่าในงานหนังสือครั้งนี้จะมีแต่การแสดงออกถึงความรักระหว่างกัน และจะต้องเป็นความรักที่จับต้องสัมผัส รับรู้ได้จริง จึงตกผลึกมาเป็น concept รักคนอ่าน
สำหรับการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 47 และ งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 17จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2562ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงานได้รวบรวมสำนักพิมพ์กว่า 374 สำนักพิมพ์ โดยมีสำนักพิมพ์ต่างประเทศกว่า 17 สำนักพิมพ์เข้าร่วมงาน มีจำนวนบูธรวมทั้งสิ้นกว่า 924 บูธ ซึ่งเป็นบูธจากสำนักพิมพ์ต่างประเทศ 46 บูธ โดยเป็นที่รู้กันดีว่าแต่ละสำนักพิมพ์จะเปิดตัวหนังสือใหม่ในงานนี้ ส่วนหนังสือปกเดิมก็จะมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษสุดๆ ทั้งลด แลก แจก แถม ให้กับประชาชนที่สนใจภายในงานครั้งนี้อีกด้วย
นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เราใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ที่สุด ให้สมกับเป็นการจัดงานสัปดาห์หนังสือครั้งสุดท้าย ก่อนศูนย์ฯปิดปรับปรุงครั้งใหญ่นานถึงสามปี ในครั้งนี้เราจึงได้จัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายให้กับผู้เข้าชมงานตลอดทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมแสดงบนเวทีมากถึง 98 รายการ มีการอบรมสัมมนาในหัวข้อต่างๆ กว่า 30 กิจกรรม นิทรรศการพิเศษกว่า 30 จุด เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในงานครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความพิเศษเท่านั้น แต่เป็นสิ่งใหม่ สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในงานสัปดาห์หนังสือฯ เราเรียกทุกสิ่งนี้รวมกัน ประกอบไปด้วย 9 สิ่งใหม่ ... เพราะรักจึงจัดให้ คือ 6 ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง จากสนามหลวงถึงศูนย์ฯสิริกิติ์, 23 ปีแห่งความทรงจำกับงานหนังสือที่ศูนย์ฯสิริกิติ์, Cheer Reader : Book Fair Souvenir, ลุ้น รับจับรางวัล, คลินิกซ่อมหนังสือ, อ่านนอกเส้น: เล่นเส้นเล่นสี, Book Blind Date นัดบอดกับหนังสือชวนอ่าน, แชะ & แชร์ กับหกล้อ, ตุลานี้เจอกันที่ เมืองทอง อยากมีอะไรใหม่ๆ ที่บอกได้เลย….??
ทั้งนี้ นอกจากนิทรรศการและกิจกรรมพิเศษต่างๆ แล้ว ภายในงานยังได้จัดกิจกรรมเกี่ยวกับโครงการสำคัญอีก 2 โครงการ ที่สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อนำสังคมไทยไปสู่การเป็นสังคมรักการอ่านอย่างแท้จริง คือ 1.โครงการ ๑ อ่านล้านตื่น โครงการนี้จัดขึ้นเป็น
ปีที่ 6 เพื่อมอบรางวัลแก่ผู้ที่ให้ความสำคัญต่อการอ่านและเป็นแรงสนับสนุนกระตุ้นให้เกิดการอ่านมากขึ้น รวมถึงการจัดมอบหนังสือให้กับพื้นที่ขาดแคลนทั่วประเทศ ด้วยการให้เลือกหนังสือที่ต้องการอ่านด้วยตัวเอง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการอ่านที่ตรงเป้าหมายดีที่สุด และ 2.โครงการ Read for Thailand อ่านสร้างคน คนสร้างชาติ โครงการใหม่ที่เปิดตัวในงานสัปดาห์หนังสือปีนี้เป็นปีแรก เป็นโครงการที่เกิดจากการร่วมมือของภาคีเครือข่ายรักการอ่านทั่วประเทศ จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการอ่านให้คนไทย เป็นการสร้างสังคมให้อุดมด้วยความรู้ อันจะนำไปสู่การพัฒนาชาติแบบยั่งยืนและดีที่สุด 3.สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ร่วมกับ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม Flash Talk สาระเนื้อหาแห่งชีวิต ของวรรณกรรมในยุคสมัย โดยนักเขียนชื่อดังมากมาย อาทิ กนกวลีพจนปกรณ์, เสรี ทัศนศิลป์, กุดจี่ พรชัย แสนยะมูล เป็นต้น
อีกพื้นที่ที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจหนังสือในประเทศไทยให้สอดคล้องกับเทรนด์ธุรกิจหนังสือต่างประเทศ คือ โซนหนังสือต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้สมาคมฯ ร่วมมือกับสมาคมสำนักพิมพ์ไต้หวัน ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักที่แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กับเรามาอย่างยาวนาน ด้วยการเซ็น MOU เผยแพร่ลิขสิทธิ์ซึ่งกันและกัน รวมถึงจัดโซน Business Matching จับคู่ธุรกิจไทย ไต้หวัน จีนและได้เชิญวิทยากรพิเศษอยู่ประจำบูธทุกวัน เพื่อบรรยายเรื่อง “คนเรียงพิมพ์” นำเสนอเครื่องพิมพ์ตัวอักษรแบบโบราณ ก่อนพัฒนามาเป็นระบบโรงพิมพ์ในปัจจุบัน และที่พลาดไม่ได้คือ การให้ความรู้เรื่องการขายหนังสือ ขายลิขสิทธิ์หนังสือไทย ไปต่างประเทศ และยังเป็นการเข้าร่วมงานหนังสือครั้งแรก ของสมาคมการ์ตูนไต้หวัน เพื่อขยายช่องทางการเผยแพร่งานซึ่งกันและกันซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญในการขยายฐานตลาดหนังสือไทยไปทั่วโลกในอนาคต
“งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และ งานมหกรรมหนังสือนานาชาติ เป็นงานที่ได้รับการตอบรับด้วยดีเสมอมาอยู่แล้ว ตั้งแต่เริ่มจัดงานครั้งแรกที่ท้องสนามหลวงเมื่อ 58 ปีก่อนจนกระทั่งมาถึงศูนย์ฯสิริกิติ์ในปัจจุบัน แต่การจัดงานใหญ่ระดับชาติแบบนี้ มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณาทั้งภาพรวมของเศรษฐกิจที่มีต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภค ปัจจัยด้านต้นทุนการผลิต ทั้งวัตถุดิบ ภาษี การสนับสนุนจากรัฐบาล สภาวการณ์ต่างๆ รอบด้าน ณ ขณะนั้น และในธุรกิจหนังสือ จัดเป็นธุรกิจเฉพาะ กลุ่มผู้บริโภคก็เป็นกลุ่มเฉพาะ อีกทั้งในสังคมไทยการอ่านอาจจะยังไม่ใช่กิจกรรมอันดับต้นๆ ที่คนไทยชอบกัน รวมถึงพฤติกรรมของเยาวชนที่หันไปสนใจสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้นดังนั้น งานสัปดาห์หนังสือฯก็ต้องปรับตัวเรื่อยมา มีจำนวนบูธเพิ่มขึ้นลดลงสลับกันไป แต่ในเรื่องของยอดขายเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังแต่ยอดขาย หรือยอดสมาชิกผู้ออกบูธเท่านั้น แต่เรามองถึงเรื่องการสร้างสังคมการอ่านเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ดังนั้น หากจะกล่าวถึงความสำเร็จของการจัดงานสัปดาห์หนังสือฯที่แท้จริง ต้องมองถึงสถานการณ์การอ่านที่ดีขึ้น เด็ก เยาวชน หันมาสนใจการอ่านมากขึ้น สังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญในการอ่านมากขึ้น ซึ่งก็ได้ผลน่าพอใจเพราะเด็กและเยาวชนเข้าชมงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีร้อยละ 40 และหัวใจหลักที่สำคัญที่สุดที่สมาคมฯ ได้ตระหนักและย้ำเสมอมาคือ การสร้างสังคมการอ่านให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งเรายังคงพยายามต่อไป โดยเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศและต่างประเทศ หน่วยงานใดที่ร่วมมือกันแล้ว ก็จะต้องร่วมกันมองหาช่องทางเพิ่มภารกิจหรือพัฒนาภารกิจเดิมให้สำเร็จยิ่งขึ้นไปอีก”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี