แค่เพียงส่วนหนึ่งของพระเจดีย์หลวงที่ยังคงเหลืออยู่ ก็นับว่าใหญ่โตมโหฬาร จนทำให้อดคิดถึงไม่ได้ว่า ถ้าหากองค์พระเจดีย์นี้ยังสมบูรณ์อยู่ดังเดิมแล้ว จะงดงามและยิ่งใหญ่สักเพียงใด นี่คือความคิดของคนส่วนใหญ่ที่ได้พบเห็นพระเจดีย์หลวงแห่งวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
วัดเจดีย์หลวง เป็นวัดสำคัญที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ สันนิษฐานว่าสร้างในรัชสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ราวพุทธศตวรรษที่ 20 (น่าจะเริ่มสร้างในปีพ.ศ. 1934) องค์พระเจดีย์หลวงแต่เดิมมีความกว้างด้านละ 56 เมตร แต่หลังจากบูรณะซ่อมแซมมาเรื่อยๆ จนล่าสุดมีความกว้างเป็น 60 เมตร ส่วนความสูงของพระเจดีย์นั้นสันนิษฐานว่าใน สมัยพระเจ้าติโลกราช ทรงโปรดให้สร้างเสริมให้สูงถึง 80 เมตร รูปทรงของพระเจดีย์เป็นแบบโลหะปราสาทตามศิลปะของลังกา ด้านทั้งสี่ทิศของพระเจดีย์มีซุ้มขนาดใหญ่ ปัจจุบันประดิษฐานพระพุทธรูป และมีช้างค้ำ จำนวน 28 เชือก รายรอบองค์พระเจดีย์ บันไดขึ้นสู่องค์พระเจดีย์ทุกด้านมีพญานาค 7 เศียรอยู่ที่เชิงบันได จนกระทั่งในรัชสมัยมหาเทวีจิรประภา กษัตริยาองค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์มังรายในยุคนั้นได้เกิดพายุฝนตกหนัก และมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นพระเจดีย์หลวงจึงได้พังทลาย จนเหลือแค่เพียงครึ่งองค์ แต่แม้จะเหลือเพียงครึ่งองค์ ทางการและประชาชนก็ยังคงตั้งใจบูรณะพระมหาเจดีย์นี้ให้มีความถาวรสืบต่อมาจนถึงกาลปัจจุบัน แม้ในบางยุคจะถูกวิจารณ์ว่ายิ่งบูรณะก็ยิ่งทำให้ความงดงามของพระมหาเจดีย์ลดลงไปก็ตาม โดยเฉพาะการบูรณะในยุค พ.ศ. 2535
วัดเจดีย์หลวงตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ภายในวัดมีสิ่งสำคัญและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย อาทิ เสาอินทขิล หรือเสาหลักเมืองแต่โบราณ พระวิหารหลวง พระอัฏฐารสพระพุทธรูปประธานปางห้ามญาติ สูง 18 ศอก (8 เมตร23 เซนติเมตร) ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลวง พญานาคที่หน้าพระวิหารหลวง ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความงามมากอ่อนช้อย แต่สง่ามากที่สุดในบรรดาพญานาคในวัดต่างๆในเขตล้านนา โดยเฉพาะส่วนเศียรพญานาคนั้นงดงามจนเกินจะบรรยาย ส่วนปลายหางของพญานาคก็เกี่ยวกระหวัดรัดร้อยขึ้นไปบนซุ้มประตูทางเข้าพระวิหาร
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้วิหารวัดเจดีย์หลวงเป็นที่ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัจจา แทนการใช้วิหารของวัดเชียงมั่น
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือเสาอินทขิล ตามประวัติระบุว่าเสาอินทขิลนี้สูง 1.35.5 เมตร วัดรอบเสาได้ 5.67 เมตร สร้างขึ้นในรัชสมัยพญามังรายมหาราช ทรงสร้างนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.1839 ครั้งต่อมาพระเจ้ากาวิละ ทรงให้ย้ายออกจากเวียงป่าซาง ไปไว้ในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2339ในยุคสร้างบ้านแปงเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเรียกยุคเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมือง เพื่อฟื้นฟูอำนาจเมืองเชียงใหม่
นี่คือประวัติคร่าวๆ ของวัดเจดีย์หลวง เมืองเชียงใหม่ แต่เมื่อคุณได้ไปถึงยังวัดแห่งนี้แล้ว ขอให้คุณได้โปรดใช้เวลาอยู่กับวัดแห่งนี้ให้ยาวนานสักหน่อย โดยเฉพาะหากคุณได้ไปในช่วงใกล้พลบค่ำ คุณจะด่ำดื่มกับความวิจิตรของโบราณสถานต่างๆ ภายในวัด มีผู้เฒ่าผู้แก่ชาวเชียงใหม่เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเมื่อครั้งยังไม่มีไฟฟ้าใช้ เมื่อยามค่ำเข้าไต้เข้าไฟแล้ว ครั้นเมื่อได้ไปกราบพระอัฏฐารสในพระวิหารหลวง แล้วทุกครั้งที่ก่อนจะเข้าภายในพระวิหาร จะต้องผ่านพญานาคสององค์ที่หน้าพระวิหาร ก็ดูราวกับว่าพญานาคทั้งสองมีชีวิต และทำหน้าที่คอยปกป้องพระวิหารแห่งนี้ ครั้นเมื่อยามคืนที่เดือนเต็มดวง เมื่อได้ไปกราบนมัสการองค์พระมหาเจดีย์ก็จะได้พบกับความงดงามวิจิตรขององค์พระมหาเจดีย์ภายใต้แสงจันทร์ ผสมกับอากาศยามค่ำคืนที่เย็นจนเกือบจะกลายเป็นความหนาว ก็ยิ่งทำให้ประทับใจในความงามของพระมหาเจดีย์
สำหรับคุณๆ ที่สนใจร่วมเดินทางท่องเที่ยวชมบ้านชมเมือง และโบราณสถานสำคัญของไทยไปกับMr.Flower ซึ่งเน้นการชมผสมผสานไปกับการได้รับฟังคำบรรยายเชิงประวัติศาสตร์ที่เข้าใจง่ายๆ แต่ได้สัมผัสกับแหล่งประวัติศาสตร์โดยแท้จริง โปรดติดต่อ 091-7233615ขอเน้นว่ากลุ่มท่องเที่ยวของเราเป็นกลุ่มเล็กๆ (10-14 คน) เน้นการเที่ยวแบบละมุนละไม แต่เจาะลึก และที่สำคัญที่สุดคือเน้นการกินดี นอนดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี