เป็นคนดีนะลูก คำพูดนี้มักมาจากปากของพ่อแม่ และปู่ย่าตายายที่พร่ำบอกกับลูกหลาน แต่ลูกหลานจะเป็นคนดีไม่ได้เป็นอันขาด หากคนที่พร่ำสอนไม่ได้แสดงตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกหลานได้เห็น หลายคนหวาดวิตกว่าลูกหลานจะเติบโตขึ้นแล้วกลายเป็นคนไม่ดี แต่ความหวาดวิตกนี้จะลดน้อยลงไป ถ้าหากพ่อแม่ ผู้ปกครองเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูกหลานด้วยความรัก และเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กๆ ได้พบได้เห็นเป็นประจำ
แนวหน้าวาไรตี้ โดย ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย จะพาคุณไปสนทนากับ แพทย์หญิง สุภัชชา ชาญวิเศษ ผู้บริหารโรงพยาบาลบีแคร์ ย่านดอนเมือง โดยคุณหมอบอกว่า การเลี้ยงดูลูกหลานในยุคนี้ จะว่ายากก็ยาก หรือจะว่าง่ายก็ง่าย แต่ทุกอย่างอยู่ที่ความเอาใจใส่ที่เราให้กับลูกกับหลาน และเราต้องไม่สอนเขาด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ต้องทำให้เขาค่อยๆ ซึมซับและเห็นจริงในสิ่งที่เราอบรมสั่งสอนด้วยสายตาของเขาเอง
คนสมัยนี้อ้างว่าเลี้ยงดูลูกแบบเก่าๆ มันล่าสมัย เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว โลกยุคนี้เป็นยุค Hi-Techทุกอย่างต้องทันสมัย คุณหมอฟังคำอ้างเช่นนี้แล้ว มีความเห็นอย่างไร
ก็รับฟังได้ค่ะ แต่มันไม่ถูกไปเสียทั้งหมด อันที่จริงเราต้องผสมผสานกันทั้งเก่าและใหม่ โดยผสานให้ลงตัว อันที่จริงการเลี้ยงลูกแบบสมัยเก่าเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าจะอ้างว่าเลี้ยงแบบสมัยใหม่ทั้งหมดเป็นเรื่องดี อันนี้ก็ยังน่าสงสัยว่าจริงหรือ การเลี้ยงดูเด็กไม่ว่าจะยุคใดสมัยใดก็ต้องอยู่ที่ความเอาใจใส่ ความรักที่มีต่อเด็ก ต้องปลูกฝังให้เด็กเรียนรู้ในสิ่งดีงาม โดยมีต้นแบบดีงามจริงๆ ให้เขาเห็นหากพูดไปเรื่อยๆ แต่เด็กไม่เห็นว่าคนพูดทำในสิ่งดีๆ เด็กก็จะไม่มีวันทำดีได้ เพราะคำพูดกับความจริงมันขัดแย้งกัน แน่นอนว่ายุคสมัยนี้ไม่เหมือนกับสมัยก่อนแต่ความรัก และความเมตตาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เราไม่ควรเลี้ยงดูเด็กด้วยการบังคับหรือควบคุมจนเขาไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอง หรือไม่มีอิสระจะคิดหรือทำอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราปล่อยปละละเลยเขาจนออกไปนอกลู่นอกทางที่เหมาะที่ควร เราต้องสอนให้เขารู้ว่าดีคืออะไร และอะไรไม่ดี เราไม่สอนให้เขาเชื่อโดยปราศจากเหตุผล เราสอนให้เขาคิดวิเคราะห์ได้ เพราะหมอเชื่อว่าเด็กทุกคนมีความคิด เพียงแต่ต้องสอนให้เขาคิดให้เป็นเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ใช่การบังคับเขาไปเสียทุกเรื่อง เราต้องปล่อยให้เขาตัดสินใจในบางเรื่อง ซึ่งนับเป็นการค่อยๆฝึกเขาไปทีละขั้นตอน อย่างเช่นเรื่องรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นหากเราพูดไปเรื่อยๆ มันเป็นนามธรรม เด็กในยุคนี้อาจจะไม่เข้าใจ เราต้องปลูกฝั่งให้เขารู้ว่าชาติคืออะไร และพระมหากษัตริย์มีความสำคัญกับชาติบ้านเมืองและเราทุกคนอย่างไร ซึ่งดีกว่าบอกป่าวๆ ว่าต้องรักชาติ ต้องรักพระมหากษัตริย์ ซึ่งเด็กอาจจะเข้าใจได้ยาก เพราะเขามองว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรืออีกเรื่องหนึ่งที่คนบ่นกันมากว่าลูกติดโทรศัพท์มือถือติดไอแพด ติดเกมคอมพิวเตอร์ แต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายก็บ่นก็ว่าลูกหลานอยู่ตลอด แต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายก็ก้มหน้าดูไอแพดทั้งวัน แบบนี้สอนไปมากแค่ไหนก็ไม่น่าจะเกิดผล เพราะคำสอนกับการกระทำมันสวนทางกัน เด็กจะดูการกระทำของคนสอนมากกว่าการฟังจากคำพูด โดยส่วนตัวหมอคิดว่า การให้ความเอาใจใส่ดูแลด้วยความรัก และความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญในการอบรมสั่งสอนเด็ก
พ่อแม่จำนวนมากอ้างว่าต้องทำงานเพื่อหาเงินไว้ให้ลูกใช้ในอนาคต ทำให้ไม่มีเวลาดูแลลูก ข้ออ้างนี้ฟังขึ้นไหมครับ
หมอไม่ปฏิเสธเรื่องการทำงานของพ่อแม่ แต่พ่อแม่จะอ้างว่าทำงานแล้วไม่มีเวลาให้ลูกไม่ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หมอก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องการเอาใจใส่ ความใกล้ชิดระหว่างพ่อแม่และลูก รวมถึงพี่น้องในครอบครัว แน่นอนว่ายุคนี้ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน แต่ก็จะอ้างว่าทำงานแล้วต้องทิ้งลูก อ้างแบบนี้ไม่ถูกต้อง อย่างน้อยที่สุดต้องมีเวลาให้ แม้จะให้ไม่ได้ทุกวัน แต่ต้องมี
เวลาให้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 วัน นี่คือน้อยที่สุดแล้วนะ ต้องอยู่ใกล้ชิดกับลูกให้มากที่สุด ต้องทำให้ลูกรู้ว่าเรารักและเอาใจใส่เขา แม้เราจะไม่ได้ให้เวลาทุกวันแต่เมื่อเราอยู่กับลูก ลูกต้องสำคัญที่สุด สำคัญกว่างานอื่นๆ ทั้งหมด เราต้องวางงานอื่นแล้วให้ความสำคัญกับลูก เราต้องแบ่งเวลาให้พอเหมาะระหว่างงานกับลูก อ่านหนังสือนิทานให้ลูกเล็กๆ ฟัง เล่นกับลูก ทำกิจกรรมกับลูก เหล่านี้เป็นต้น นี่คือเวลาที่พ่อแม่ลูกจะได้ใกล้ชิดกัน และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน เมื่อลูกรู้ว่าพ่อแม่รัก เขาจะมีภูมิคุ้มกันไม่ให้เขากลายเป็นคนที่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง เพราะความรักของพ่อแม่จะช่วยให้เขาอยู่ในร่องในรอยของความถูกต้อง อีกอย่างคือต้องสอนให้ลูกมีระเบียบมีวินัย เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนต้องเก็บที่นอน ต้องล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำเป็นต้น หมอเน้นเรื่องระเบียบวินัยของเด็ก เพราะเมื่อเขามีระเบียบวินัยแล้ว เขาจะดูแลตัวเองได้ในอนาคต การฝึกระเบียบวินัยให้ลูกไม่ใช่การบังคับลูก แต่เราสอนให้เขาค่อยๆ เรียนรู้ และเห็นถึงผลดีของระเบียบวินัย แล้วเขาจะทำตามไปโดยอัตโนมัติ เราต้องไม่ขึ้นเสียงสั่งลูก ไม่บีบบังคับ แต่พูดกับเขาด้วยความรัก ด้วยเหตุผล แต่ถ้าเขายังงอแงบ้าง ก็ต้องค่อยๆ พูดกับเขา เด็กๆ ชอบให้เราฟังเขา เด็กไม่ชอบให้เราสั่งเขาด้วยเสียงแห่งการใช้อำนาจ แต่หมอคิดว่าทำตัวอย่างให้เขาดู เป็นเรื่องดีที่สุด เราต้องฝึกให้ลูกทำงานบ้านด้วย ล้างถ้วยล้างชาม ซักถุงเถ้ารองเท้าผ้าใบ ซักผ้าเช็ดหน้า กวาดบ้าน ถูบ้าน สอนให้เดินก้มหลัง สอนให้ไหว้ผู้ใหญ่ แม้ผู้ใหญ่คนนั้นไม่ใช่ญาติของเรา เราก็ต้องสอนให้เขามีสัมมาคารวะ พ่อแม่ต้องไม่ทำงานทุกอย่างให้ลูกไปเสียทั้งหมด อย่ากลัวว่าลูกจะเหนื่อย เราต้องฝึกเขา เพราะเมื่อเขาทำเป็นแล้ว ในอนาคตเขาจะช่วยตัวเองได้ แม้เราจะมีคนรับใช้ มีพี่เลี้ยงในบ้าน แต่เราก็ต้องสอนลูกเราให้ทำงานบ้านเป็นด้วย ต้องรับผิดชอบในหน้าที่ประจำวันของตนพ่อแม่บางคนโอ๋ลูกมาก ไม่ยอมให้ลูกทำอะไรเลย ไม่ว่าจะงานเล็กงานน้อยก็ไม่ให้ทำหมอมองว่าสอนแบบนั้นไม่ถูกต้อง เพราะในที่สุดเด็กจะทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เลย เมื่อเขาเติบโตขึ้น คือเราต้องค่อยๆ ฝึกเขาไปตามอายุ และตามความเหมาะสมของวัย หมอเน้นเรื่องวินัย และเรื่องความผิดชอบชั่วดี เราปลูกฝั่งเขาไปเรื่อยๆรับรองว่าเขาจะรู้ผิดรู้ถูกในที่สุด ถ้าลูกยังเด็กมากอาจจะฟังเรื่องที่เป็นเหตุเป็นผลยังไม่เข้าใจ เราก็ต้องใช้นิทานที่สามารถปลูกฝังให้เขาเป็นคนดี นิทานที่ใช้สอนลูก เราก็สามารถแต่งขึ้นมาเองได้ เล่าเรื่องดีๆให้ลูกฟังบ่อยๆ ลูกจะค่อยๆ ซึมซับไปเรื่อยๆ การใช้นิทานสอนลูกนั้น ใช้ได้ตั้งแต่ลูกยังพูดไม่เป็น แต่เราสามารถพูดกับเขาได้ เพราะเขาจะฟังน้ำเสียงของเราตลอดเวลา
เด็กสมัยนี้ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง บอกว่าการพูดจาพาโวย แบบมึงๆ กูๆในที่สาธารณะเป็นเรื่องธรรมดา คุณหมอมองเรื่องนี้อย่างไร
หมอก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่พูดได้ แต่หมอว่ามันน่าเสียดาย เพราะการที่เด็กผู้หญิง หรือผู้หญิงทั่วไปก็เถอะ เมื่อพูดจากันด้วยวาจาที่หยาบ แข็งกระด้างออกมาแล้ว เมื่อได้ฟังแล้วก็เสียดายความเป็นผู้หญิง แต่ถ้าจะพูดกัน ก็ขอให้พูดในที่ส่วนตัว ในกลุ่มเพื่อนสนิท อย่าพูดในที่สาธารณะจนทำให้คนอื่นมองว่าเราหยาบกระด้าง แต่ก็เป็นสิทธิของเขานะคะ อันนี้หมอแค่เป็นห่วงเท่านั้น การพูดกับเพื่อนสนิทไม่จำเป็นต้องใช้คำหยาบกระด้าง เรามีคำอื่นๆ ที่น่ารักใช้มากมาย เช่นตัวเอง เธอ หรือแก ก็ยังพอไหว ดีกว่ามึงกู คิดเหมือนหมอไหมคะ หมอยังคิดว่าคนไทยก็ยังคงเป็นคนไทย ยิ่งผู้หญิงไทยด้วยแล้ว ยิ่งมีความน่ารัก มีความนุ่มนวล อ่อนหวาน อย่าให้คำหยาบๆมาทำให้ผู้ใหญ่ไทยคลายความน่ารักเลยค่ะ
คุณหมอมองเรื่องการท้องก่อนวัยอันควรของเด็กผู้หญิงในบ้านเราอย่างไรครับ
หมอขอแยกเป็น 2 เรื่องค่ะ ไปที่ตัวผู้หญิงก่อน ผู้หญิงต้องมองว่าเรื่องนี้สำคัญนะคะ หมอเป็นหมอสูติฯ หมอรับทราบปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นโดยไม่พร้อมมามาก บางคนเจอปัญหาแล้วแก้ไม่ได้ต้องฆ่าตัวตายก็มี บางคนเรียนต่อไม่ได้ บางคนมีปัญหากับพ่อแม่เพราะฉะนั้นหมอเน้นว่าผู้หญิงต้องมีสติตลอดเวลา ต้องมีวิธีป้องกัน หากไม่สามารถหักห้ามใจในเรื่องนี้ได้ก็ต้องป้องกัน อย่าปล่อยตัวไปจนเกินเหตุ เดี๋ยวนี้วิธีป้องกันมีมากมาย ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องป้องกันตัวเอง ไม่ให้ตั้งท้องเมื่อไม่พร้อม แต่ดีที่สุดคือ ผู้หญิงต้องรักตัวเอง รักเกียรติของตัวเอง ต้องคิดถึงตัวเอง คิดถึงอนาคตของตัวเองให้มาก ต้องภูมิใจในตัวเองให้มาก ต้องรู้ว่าเรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่าให้ใครทำลายเกียรติ ศักดิ์ศรีของเรา ต้องคิดถึงหน้าตาของพ่อแม่ของเราด้วย และต้องมีสติ ต้องยับยั้งตัวเองได้ หมอยืนยันว่าเด็กที่มาจากครอบครัวอบอุ่นเต็มไปด้วยความรักของคนในบ้าน จะไม่มีปัญหาตรงนี้อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเด็กบางคนจะมองว่านี่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ หมอก็ขอบอกว่าต้องป้องกันตัวเองควบคู่ไปด้วย เพราะหากไม่ป้องกันอาจจะเกิดปัญหาโรคทางเพศสัมพันธ์ และการท้องก่อนวัยอันควรตามมาได้ ส่วนฝั่งเด็กผู้ชาย หมออยากบอกให้พ่อแม่ต้องอบรมลูกชายว่าต้องให้เกียรติผู้หญิง ย้ำว่าต้องให้เกียรติผู้หญิง หมอเข้าใจดีว่าวัยรุ่นมีความต้องการทางเพศ แต่การอบรมสั่งสอนให้เด็กชายให้เกียรติกับเด็กหญิงเป็นเรื่องสำคัญมาก แม่ต้องสอนลูกชายเสมอๆ ว่า เพศหญิงคือเพศแม่ ต้องให้เกียรติกับเพศแม่เสมอ อย่ารังแกผู้หญิง หากไม่คิดจริงจังกับเขา ก็อย่าไปวุ่นวายกับเขา แม่ไม่ควรสอนลูกชายว่าผู้ชายไม่เสียหาย แต่ต้องสอนว่า เขาเป็นเพศแม่ ต้องให้เกียรติผู้หญิง
หมอมองเรื่องเด็กกับความรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร เด็กยุคนี้บอกว่าเขาไม่ค่อยสนใจ
เรื่องนี้ดูเป็นนามธรรมสำหรับเด็กที่ไม่ได้รับการปลูกฝังในเรื่องสำคัญนี้เด็กบางคนอาจจะบอกว่าสองสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา หมอมอว่า เมื่อก่อนเราเรียนประวัติศาสตร์ เรารู้กว่าชาติไทยจะมาถึงวันนี้ได้ เราเสียกรุงฯครั้งที่ 1ครั้งที่ 2 เพราะอะไร เรารู้รากเหง้าของเราเอง เราก็ภูมิใจในความเป็นรากเหง้าของเรา แต่เดี๋ยวนี้รากเหง้าตรงนี้ไม่ได้รับการถ่ายทอด ส่วนที่บ้านของหมอพ่อแม่ก็สอนให้รักพระมหากษัตริย์ เพราะพระองค์ท่านทรงเสียสละเพื่อบ้านเมืองมาโดยตลอด หมอเชื่อเรื่องการปลูกฝังด้วยเหตุผล แน่นอนว่าโลกเปลี่ยนไปแต่ความจริง และเหตุผลไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจนหมดเค้าโครงเดิม เราคงไม่สอนให้ลูกหลานรักชาติแบบขาดสติ แต่เราต้องสอนให้เขารักชาติด้วยเหตุผล ไม่ใช่คลั่งชาติ ถ้าเราสอนให้เขาเข้าใจว่าอะไรดีหรือเลว ชาติบ้านเมืองสำคัญต่อเราอย่างไร เมื่อเขารู้ เขาก็จะรักและทำในสิ่งถูกต้อง เราต้องสอนให้เขาภูมิใจตัวเอง ภูมิใจในรากเหง้าของตนเอง แล้วเขาจะรักและห่วงแหนชาติของเขา เราไม่ได้ห้ามเขาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่ต้องให้เขารู้ว่าสิ่งใหม่กับสิ่งเก่าต้องผสมกันอย่างลงตัว และที่สำคัญคือต้องบอกเขาว่าความรักชาติไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่เกิดมาเป็นคน เราต้องกตัญญูต่อบ้านเกิดเมืองนอนของเรา เราต้องสอนให้เขารู้ว่าคนอกตัญญูจะไม่มีวันเจริญ
คุณสามารถพบกับรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความบันเทิง ในรายการแนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ TNN2 ช่อง784 ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTubeผู้หญิงแนวหน้า By คุณแหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี