คุณแม่เซเลบฯแนะเทคนิคเลี้ยงลูกยุคเจนอัลฟ่า

คุณแม่เซเลบฯแนะเทคนิคเลี้ยงลูกยุคเจนอัลฟ่า

วันจันทร์ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2562, 06.00 น.
Tag :

เด็กที่เกิดตั้งแต่ปีพ.ศ.2553 เป็นกลุ่มเด็กที่เรียกว่า“ยุคเจเนอเรชั่นอัลฟ่า” (Alpha Generation) ซึ่งปัจจุบันพวกเขาเหล่านั้นกำลังอยู่ในช่วงวัยอนุบาลจนถึงประถมศึกษาตอนต้นที่เติบโตมาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัล สมาร์ทโฟนแท็บเลต คอมพิวเตอร์ แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา พ่อแม่ของเด็กยุคนี้จึงต้องเตรียมความพร้อมและติดอาวุธให้กับลูกรักเพื่อที่จะสามารถมีความรู้และทักษะเท่าทันเทรนด์ของโลกได้

 


 

Bricks 4 Kidz ประเทศไทย นำโดย สร้างบุญ แสงมณี ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในประเทศไทย เผยว่า “เทรนด์ในการเลี้ยงลูกในยุคอนาคตไม่ได้จำกัดให้ลูกเรียนรู้ได้แค่จากในตำราหรือในห้องเรียนเท่านั้น แต่หากเป็นการเรียนรู้จากสิ่งรอบกาย รวมถึงการเรียนรู้ผ่านการเล่นหรือกิจกรรมที่ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้โลกในอนาคตคือโลกแห่งคอมพิวเตอร์ โรงเรียนต่างๆ หลายแห่งในต่างประเทศได้เห็นความสำคัญและได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนการเขียนโค้ด หรือเขียนโปรแกรมสั่งงานทางคอมพิวเตอร์ ให้เป็นหนึ่งในวิชาเรียนภาคบังคับในโรงเรียน ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปนำมาสู่การปรับตัวของพ่อแม่ผู้ปกครองยุคใหม่เช่นกัน ที่ต้องคอยเตรียมพร้อมติดอาวุธทั้งตัวเอง และต่อลูกเพื่อให้มีความรู้เท่าทันกับวิวัฒนาการของโลก”

 

 

คุณแม่เซเลบริตี้คนเก่งมากความสามารถอย่าง แจน-ศิรนุช โรจนเสถียร เล่าถึง “น้องเจน่า”ลูกสาวสุดเลิฟวัยขวบกว่า ที่มีแววเก่งเหมือนคุณแม่ให้ฟังว่า “เทคนิคการเลี้ยงลูกของแจนต้องเลี้ยงให้เหมือนเป็นเพื่อนกัน อย่าคิดว่าเขาอายุเพียงขวบเดียวแล้วจะไม่รู้เรื่อง เด็กๆ เรียนรู้พฤติกรรมจากเราและซึมซับความรู้สึกจากเราได้ง่ายมาก เพราะฉะนั้นมีอะไรก็คุยกับเขา ค่อยๆ บอกและสอนเขา ด้านการเสริมพัฒนาการก็จะเริ่มให้เรียนเสริมทักษะตั้งแต่ 7 เดือน สังเกตได้ถึงพฤติกรรมของลูก
ที่พัฒนาขึ้นในทางที่ดี ยิ่งไปเรียนเสริมทักษะยิ่งรู้เลยว่า ลูกพูดได้เร็วขึ้น สามารถเข้าใจที่เราพูด ทั้งภาษาไทย และอังกฤษเสริมสร้างพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ และพัฒนาสมอง ให้เขารู้จักแยกสี แยกประเภทของสิ่งของต่างๆ แคล่วคล่องว่องไว”

 

 

ด้านคุณแม่แฝดสามอย่าง พี-พอลลีน ล่ำซำ ก็เผยถึงเคล็ดลับการเลี้ยงลูกแฝด “ริทธิ์+รักษ์+รสา” ให้ฟังว่า “เลี้ยงลูกผสมกันระหว่างคนสมัยใหม่กับคนสมัยก่อนเข้าด้วยกัน คือจะปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ตามธรรมชาติอย่างอิสระแต่จะดูแลอย่างใกล้ชิด จะเน้นเรื่องการแบ่งปันซึ่งกันและกันระหว่างพี่น้อง เพราะคิดว่าจะต้องฝึกเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กๆ เรื่องพัฒนาการของลูก ตัวพีเองจะเป็นคนจัดตารางให้ลูกๆ ในแต่ละวันอย่างเช่น ทำกิจกรรมระบายสี สลับกับเล่นตัวต่อเลโก้หรือจิ๊กซอว์เพื่อพัฒนาทักษะทุกด้าน โดยจะคอยปรึกษากับคุณหมอเรื่องนี้เสมอ ซึ่งผลที่ได้น่าพอใจเพราะลูกมีพัฒนาการที่สูงกว่าอายุ”

 

 

 

ปิดท้ายที่คุณแม่เซเลบริตี้หัวใจนักดนตรีอีกคนอย่าง โมนา-วิภาวี คอมันตร์ เผยเทคนิคการเลี้ยงลูกตามแบบฉบับของตัวเองว่า “น้องธิกับน้องดา ในวัย 10 ขวบเป็นช่วงที่คนเป็นแม่ต้องสังเกตว่าลูกชอบอะไร ไม่ชอบอะไร คือจะให้ลองทำไปเรื่อยๆ อย่างเช่น เล่นดนตรี กีฬา หรือแม้กระทั่งการเรียนรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ต้องยอมรับว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งดิจิทัล และในยุคอนาคตคงจะต้องมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากกว่าปัจจุบัน จึงเริ่มให้ลูกทดลองเข้าคลาสการเขียนโค้ด (Coding) หรือการสั่งงานทางคอมพิวเตอร์ฝึกสร้างเกมในมือถือได้เอง ทำกราฟิกเคลื่อนที่ นอกจากจะทำให้ฝึกการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับลูกๆ เพื่ออนาคตของพวกเขาเองอีกด้วย”

การไม่ปิดกั้นที่จะให้ลูกได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาสนใจ รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของลูกนอกจากจะเสริมสร้างพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญาแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว และอาจเป็นแนวทางสำหรับการศึกษารวมถึงอาชีพของเด็กๆ ในอนาคตได้อีกด้วย คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจมองหากิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกเจนอัลฟ่า ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/B4KThailand หรือ www.bricks4kidz.co.th

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top