ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง โดยพบในผู้หญิงมากกว่า 2 ล้านคน ในแต่ละปี ซึ่งสอดคล้องกับในประเทศไทยที่มะเร็งเต้านมเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของโรคมะเร็งที่สร้างภาระให้กับภาคสาธารณสุขและเป็นมะเร็งอันดับหนึ่งในผู้หญิงไทย ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่าในปี 2560 มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม 38.73% ของโรคมะเร็งทั้งหมดที่พบในผู้หญิง และคาดการณ์ว่าจะคงอยู่ในลำดับสูงสุดไปจนถึงปี 2568
เต้านม ประกอบด้วยไขมันและเนื้อเยื่อเต้านมความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมสูง หมายถึงการที่เต้านมมีส่วนประกอบของเนื้อเยื่อเต้านมมากกว่า 50%ซึ่งพบมากในผู้หญิงเอเชีย อีกทั้งความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมสูงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งความหนาแน่นของเนื้อเยื่อเต้านมไม่สามารถระบุได้โดยการคลำตรวจหรือโดยดูรูปร่างภายนอกของเต้านม แต่สามารถระบุได้จากการตรวจด้วยแมมโมแกรม แม้ว่าการทำแมมโมแกรมจะเป็นการตรวจมาตรฐาน แต่ในผู้ที่มีเนื้อเต้านมที่มีความหนาแน่นสูงจะทำให้ความไวในการตรวจแมมโมแกรมลดลง ทั้งนี้ รังสีแพทย์จะประเมินความหนาแน่นของเนื้อเต้านมขณะที่ทำการวินิจฉัยภาพแมมโมแกรม
นพ.เฉลิมเดช กรรณวัฒน์ รังสีแพทย์ศูนย์ถันยรักษ์ ให้ข้อมูลว่า มะเร็งเต้านมในระยะแรก อาจจะยังไม่มีอาการ ถ้ามะเร็งเต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้นผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการคลำได้ก้อนในเต้านม โดยก้อนที่คลำได้มักไม่เจ็บ อาการอื่นๆ ของมะเร็งเต้านมที่อาจพบได้ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงที่หัวนม เช่น หัวนมบุ๋ม มีเลือดออกจากหัวนม มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิวหนัง ขนาดของเต้านมมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีการบวมอักเสบ ถ้ามะเร็งลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง อาจคลำได้ก้อนที่รักแร้
“ในการคัดกรองหามะเร็งเต้านม วิธีที่เป็นวิธีมาตรฐาน คือการตรวจด้วยแมมโมแกรม อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงไทยมักจะมีความหนาแน่นเนื้อเยื่อเต้านมที่สูง ทำให้ลดความแม่นยำของการตรวจด้วยแมมโมแกรม เราจึงมักจะตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ควบคู่ไปกับแมมโมแกรม เพื่อเพิ่มโอกาสในการตรวจพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะต้นๆ เนื่องจากการตรวจหามะเร็งเต้านมให้พบตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกมีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้ผลการรักษาดีกว่า มีทางเลือกในการรักษามากกว่า อัตราการเสียชีวิตน้อยกว่า เช่น หากมะเร็งเกิดอยู่ในบริเวณเต้านมเท่านั้น ไม่ได้ลามไปที่อื่น อัตราการรอดชีวิตในระยะ 5 ปี จะมากกว่า 92% แต่หากมะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง อัตราการรอดชีวิตในระยะ 5 ปีจะลดลงเหลือ 84% และหากมะเร็งแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย อัตราการรอดชีวิตในระยะ 5 ปี จะเหลืออยู่เพียง 27% เท่านั้น ซึ่งการคัดกรองมะเร็งเต้านมควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป และตรวจเป็นประจำทุกปีหรือตามแพทย์แนะนำ”
ดร.ราจาน คาลีดินดี ผู้จัดการใหญ่ จีอีเฮลธ์แคร์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า หนึ่งในเทคโนโลยีด้านการตรวจวินิจฉัยเต้านมของจีอี เฮลท์แคร์ ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงการวินิจฉัยและการรักษามะเร็งเต้านมจากแบบตั้งรับไปสู่แบบเชิงรุก คือเครื่องอัลตราซาวนด์เต้านมสามมิติแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อตรวจเต้านมเพิ่มเติมจากการตรวจด้วยแมมโมแกรม เครื่องมือที่ทันสมัยนี้ช่วยให้ความสะดวกสบาย ไม่ใช้รังสี และได้รับการพัฒนาเพื่อการตรวจคัดกรองเต้านมที่มีความหนาแน่นสูงได้ภายในเวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ทั้งยังได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับสรีระของผู้หญิงด้วยรูปทรงและขนาดที่แนบสนิทกับเต้านมเพื่อช่วยลดแรงกดสัมผัสขณะตรวจวัด การทำงานแบบอัตโนมัติช่วยลดข้อผิดพลาด เพิ่มความแม่นยำซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ลดความกังวลของผู้เข้ารับการคัดกรอง และทำให้ไม่กลัวที่จะเข้ารับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้น จึงเชิญชวนให้ผู้หญิงมาเข้ารับการตรวจโดยไม่ต้องกังวลใดๆ เพราะเทคโนโลยีหลากหลายที่ทันสมัยในปัจจุบันช่วยในการวินิจฉัยสะดวก รวดเร็วและสร้างความสบายใจให้ผู้เข้ารับการตรวจได้อย่างดีและแน่นอนว่า หากตรวจพบได้เร็วเท่าใดความสำเร็จในการรักษาก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี