วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) กล่าวถึงปัญหาการลืมเด็กไว้ในรถยนต์ ว่ากรณีของเด็กติดในรถไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวไหนแต่ตนอยากให้ทุกๆ คนเรียนรู้วิธีในการช่วยเหลือหากพบเห็นเด็กติดในรถ เพราะเมื่อเจอเหตุการณ์จริงเราจะได้ช่วยเหลือเด็กได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้จากข้อมูลของศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็กรพ.รามาธิบดี ระบุว่า เด็กที่ติดในรถส่วนใหญ่ไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ หากแต่เพราะอากาศที่อยู่ในรถมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น
โดยเมื่อเวลาผ่านไปเพียง 5 นาที อุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้นจนเด็กไม่สามารถอยู่ได้ ยิ่งนานเกิน 10 นาที ร่างกายของเด็กจะแย่ และภายใน 30 นาที เด็กอาจหยุดหายใจ และอวัยวะทุกอย่างหยุดทำงานจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากท่านพบเห็นเหตุการณ์เด็กติดอยู่ในรถ แล้วเด็กหมดสติหรือหยุดหายใจสิ่งแรกที่ต้องทำคือโทร.แจ้งสายด่วน 1669 เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
และในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ ให้รีบเข้าทำการช่วยเหลือโดยนำเด็กออกมาจากรถ และนำไปอยู่บนพื้นราบที่อากาศปลอดโปร่งพร้อมกับทำการช่วยฟื้นคืนชีพ (ซีพีอาร์-CPR) เบื้องต้นในเด็กทันที โดยการทำ CPR ในเด็กเล็กจะแตกต่างกับการทำ CPR ในผู้ใหญ่เล็กน้อย มีขั้นตอนดังนี้ เมื่อปลุกเรียกแล้วสังเกตว่าเด็กส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวหรือไม่ ถ้าไม่ตอบสนอง ไม่เคลื่อนไหว ให้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพทันที โดยให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รีบไปโทร.แจ้งสายด่วนฉุกเฉิน 1669
ส่วนผู้ที่จะทำ CPR ให้รีบประเมินเด็กทันทีว่ายังหายใจอยู่หรือไม่ ถ้าเด็กไม่หายใจให้รีบทำการช่วยฟื้นคืนชีพทันที โดยรีบนำเด็กลงมาวางบนพื้นราบแข็ง วางส้นมือข้างหนึ่งไว้ตรงกึ่งกลางหน้าอกระดับแนวราวนมแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งวางบนหน้าผากของเด็กพยายามให้เด็กหงายหน้าขึ้นเพื่อเปิดทางเดินหายใจ ทำการกดหน้าอก 30 ครั้ง โดยกดให้ลึกลงไปประมาณ 1/3 ของความหนาของหน้าอก
“การกดแต่ละครั้งต้องต่อเนื่อง อัตราเร็วประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาที สลับกับการช่วยหายใจ โดยการกดหน้าผาก เชยคาง บีบจมูก ประกบปากให้สนิทแล้วเป่าลมเข้าไป 2 ครั้ง ให้ทำสลับกันเช่นนี้ต่อไปจนครบ 5 รอบหรือนานประมาณ 2 นาที แล้วประเมินซ้ำทุกๆ 5 รอบ หรือ 2 นาที ว่าเด็กกลับมาหายใจได้เองหรือไม่ ถ้ายังไม่หายให้ทำต่อไปเรื่อยๆ อย่าหยุด จนกว่าทีมกู้ชีพจะมาถึงและเข้ามาให้ความช่วยเหลือและนำเด็กส่งต่อไปยังโรงพยาบาล” เลขาธิการ สพฉ. กล่าว
เลขาธิการ สพฉ. ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือพ่อแม่หรือครูจะต้องดูแลเด็กๆ ให้ดี หากทำได้อยากให้สอนเด็กๆ ให้รู้จักการเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่ในรถ เช่น สอนการเปิดกระจกการปลดล็อกรถ การบีบแตรให้มีเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่ควรปล่อยเด็กไว้ในรถตามลำพังถึงแม้จะแง้มกระจกรถไว้ก็ตามหากผู้ปกครองต้องลงจากรถเพื่อไปทำธุระก็ควรนำเด็กลงไปด้วย ขณะที่ครูควรจัดทำรายชื่อของเด็กที่ขึ้นรถ และก่อนลงรถควรเช็ครายชื่อของเด็กทุกคนอีกครั้งว่าลงจากรถครบแล้วหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เด็กติดในรถเกิดขึ้นอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี