ดูเหมือนความเชื่อมั่นของคนอังกฤษที่จะดำเนินชีวิตภายใต้กรอบการเมือง เศรษฐกิจและสังคมของตนเอง โดยไม่ขึ้นตรงกับสหภาพยุโรปหรืออียู ไม่เพียงแต่ลดลงเรื่อยๆ แต่ยังส่งผลให้นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของอังกฤษอย่างนางเทเรซา เมย์ ต้องประกาศลาออกทั้งน้ำตา ทิศทางของอังกฤษจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร
หลังจากที่อังกฤษผ่านการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2549 ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิท (Brexit) และมีกำหนดจะต้องออกจากสหภาพยุโรปหรืออียู ในวันที่ 29 มีนาคม 2562 ตามมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน แต่ด้วยความล่าช้าของกระบวนการเบร็กซิทอันเกิดจากการต่อรองผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ทำให้กระบวนการเบร็กซิทยืดเยื้อออกไปจนถึงเส้นตายสุดท้ายคือในวันที่ 31 ต.ค.2562
ด้วยความพยายามของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ที่จะผลักดันกระบวนการนี้ให้สำเร็จโดยยึดผลประโยชน์ของอังกฤษ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เธอได้เสนอแผนเบร็กซิทในรูปแบบมีข้อตกลง (Brexit with deal) หรือที่เรียกว่าซอฟท์เบร็กซิทมาโดยตลอด แต่ทว่าสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีพรรคอนุรักษ์นิยมเป็นเสียงข้างมาก ปฏิเสธข้อเสนอของเธอมาถึง 3 ครั้ง รวมถึงความพยายามที่ล้มเหลวในการเจรจาประนีประนอมกับพรรคแรงงานตลอดช่วงที่ลงคะแนนไม่ผ่านทั้งสามครั้งด้วย
โดยช่วงแรก นางเมย์ได้ขอให้สภาอังกฤษอนุมัติให้เลื่อนเส้นตายเบร็กซิทจากสิ้นเดือนมีนาคมออกไปอีกราว 2 สัปดาห์เป็นวันที่ 12 เมษายน เพื่อให้อังกฤษสามารถผ่านร่างแผนเบร็กซิทและมีกำหนดออกจากสมาชิกอียูในแบบมีข้อตกลงในวันที่ 22 พ.ค. แต่เนื่องจากสภาโหวตไม่ผ่านร่างเบร็กซิทของนางเมย์ครั้งที่ 3 ทำให้สหราชอาณาจักร พลาดเส้นตายในการออกจากการเป็นสมาชิกอียูในแบบที่มีข้อตกลงในวันที่ 22 พ.ค.ตามที่กำหนด อังกฤษจึงไม่มีทางเลือก และต้องออกจากสมาชิกอียูแบบไร้ข้อตกลง (No Deal) ภายในวันที่ 12 เมษายน
อย่างไรก็ตาม นางเมย์ได้ใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายเรียกร้องให้ทางอียูผ่อนปรนเส้นตายเบร็กซิทจากกำหนดเดิมออกไปอีก ส่งผลให้คณะกรรมาธิการยุโรปมีมติยืดระยะเวลาเส้นตายเบร็กซิทไปถึงวันที่ 31 ต.ค. 2562 นี้ แต่ในช่วงที่ผ่านมามีบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลของเธอถอนตัวลาออกจากตำแหน่งหลายคน ขณะที่ข้อเสนอล่าสุดของนางเมย์คือการให้สส.ลงคะแนนเสียงเพื่อทำประชามติครั้งใหม่ ทำให้สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมหลายคนเกิดความไม่พอใจ และกดดันให้เธอลาออก
ซึ่งในที่สุดนางเมย์ ก็ได้ประกาศทิ้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ท่ามกลางความไม่แน่นอนของกระบวนการเบร็กซิท และมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาอียูในอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งตรงกับช่วงระยะเวลา 4 วัน ในระหว่างวันที่ 23-26 พ.ค. ของการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาอียูของกลุ่มประเทศสมาชิก
นางเมย์ระบุว่า เธอจะลาออกจากหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมในวันที่ 7 มิถุนายน และระหว่างนี้จะยังคงทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีจนกว่าการคัดเลือกหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมจะเสร็จสิ้น
นางเมย์กล่าวทั้งน้ำตาว่านับตั้งแต่ที่เธอก้าวขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 3 ปีก่อน เธอได้พยายามต่อสู้อย่างหนักในการทำให้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จสำหรับทุกคน โดยเธอทำอย่างดีที่สุดแล้วในการเคารพต่อผลการหยั่งเสียงประชามติเมื่อปี 2559 และทำอย่างดีที่สุดแล้วในการโน้มน้าวให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสนับสนุนข้อตกลงเบร็กซิทที่เธอเสนอต่ออียู แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เธอไม่ประสบความสำเร็จหลังพยายามมาแล้วถึง 3 ครั้งพร้อมกล่าวเสริมว่าเธอรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ไม่สามารถดำเนินนโยบายที่สำคัญดังกล่าวได้สำเร็จ ซึ่งเธอเชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วในการเพียรพยายาม
หากจะย้อนดูเสียงประชามติหรือเสียงของประชาชนที่เรียกร้องให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกอียูในช่วงเวลานั้น เหตุผลก็เพราะความไม่แน่นอนในสถานการณ์ทางการเงินของกลุ่มยูโรโซน และความไม่พอใจในกฎหมายยุโรปบางประการที่ถูกมองว่าเป็นตัวฉุดรั้งธุรกิจ และช่วงนั้นยังเกิดกระแสการไหลบ่าของผู้อพยพที่หนีความยากจนและสงครามจากตะวันออกกลางและแอฟริกาพอดี ทำให้เทน้ำหนักไปในทางเบร็กซิท แต่เมื่อถึงคราวเจรจากับอียูท่ามกลางความกังวลที่จะเกิดขึ้นหลังเบร็กซิทจากเงื่อนไขในการทำข้อตกลงกับอียู เสียงของความเชื่อมั่นของคนอังกฤษก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องพรมแดนระหว่างไอร์แลนด์เหนือของอังกฤษกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ซึ่งเป็นสมาชิกของอียู
จากนี้ไปทิศทางของอังกฤษจะเป็นอย่างไร คงต้องรอลุ้นหลังการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพรรคอนุรักษ์นิยมที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่
ซึ่งภายใต้กำหนดเส้นตายเบร็กซิทในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ หากรัฐบาลชุดใหม่ของอังกฤษไม่มีการเสนอแผนเบร็กซิทใดๆ ก็เท่ากับอังกฤษต้องออกจากสมาชิกอียูในลักษณะฮาร์ทเบร็กซิท หรือการออกแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ร่วมกันซึ่งหลายฝ่ายมองว่าจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างร้ายแรง
Koopnot
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี