พีรพัฒน์ ประสานพานิช
“ฆาตกรแห่งห้วงสมุทร” (Ocean Killer) ผลงานชิ้นเอกที่ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ กับการปล่อยภาพ4 ภาพแรก ก่อนจะนำเสนอในนิทรรศการศิลปนิพนธ์ประจำปี 2562 นี้ ฆาตกรแห่งห้วงสมุทร (Ocean Killer) เป็นผลงานการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ไม่ทิ้งขยะในทะเล โดยเล่าเรื่องผ่านภาพทั้งหมด 6 ภาพ ที่บอกเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดผ่านสัตว์นักล่าอย่าง “ฉลาม” ยังต้องยอมสยบให้กับฆาตกรไร้ชีวิตอย่าง “ขยะพลาสติก”
พีรพัฒน์ ประสานพานิช นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขานิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เจ้าของผลงาน “ฆาตกรแห่งห้วงสมุทร” หรือ Ocean Killer หนึ่งใน 42 ผลงานศิลปนิพนธ์ ของภาควิชานิเทศศิลป์สจล. ที่ถูกจัดแสดงในนิทรรศการจบบริบูรณ์ของนักศึกษา โดยผลงานศิลปนิพนธ์เหล่านี้ล้วนบอกเล่าเรื่องราวและแง่มุมต่างๆ ที่สะท้อนมุมมองของสังคม และพูดถึงหนทางสู่วันข้างหน้าที่ดีกว่าผ่านงานออกแบบสร้างสรรค์
ภาพมัจจุราชพลาสติก “ฉลาม”
“ผมเกิดและเติบโตในพื้นที่ที่มีทะเล ได้เห็นพัฒนาการของทะเลในห้วง 10-20 ปี ที่ผ่านมา ความเติบโตทางเศรษฐกิจจากการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น แต่กลับทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว จากการใช้ประโยชน์อย่างไม่ระมัดระวังและไม่ได้คิดถึงอนาคต สู่การเริ่มต้นการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านภาพ เพื่อรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงความรุนแรงจากขยะที่มีต่อท้องทะเล”
ทะเลไทย ถูกจัดอันดับให้เป็นทะเลที่มีขยะมากที่สุดในโลก อันดับที่ 6 จากตัวเลขของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยขยะที่พบมากที่สุดในทะเลไทยคือ ถุงพลาสติก 18% แก้วหรือขวดพลาสติก 17% โฟมหรือภาชนะใส่อาหาร 9% หลอด 7% เศษเชือกหรือเศษอวน 5% และกระป๋องน้ำ 4% ซึ่งที่มาของขยะกว่า 80% มาจากแหล่งทิ้งขยะบนฝั่งบริเวณท่าเรือ หรือชุมชนริมทะเล รวมทั้งกิจกรรมการท่องเที่ยวและการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับทะเล
ภาพหญ้าทะเลไร้ชีวิต หลอด กับ เต่าทะเล
นิทรรศการจบบริบูรณ์ของนักศึกษาจะพาไปเปิดความหมาย 3 ภาพ “หยุดความรู้สึกกับความเจ็บปวดของสัตว์ทะเลจากฆาตกรแห่งห้วงสมุทร”
ภาพแรก มัจจุราชพลาสติก “ฉลาม” สัตว์ที่ถูกยกให้เป็นนักล่าแห่งท้องทะเล ถูกนำมาประกอบในภาพนิทรรศการในครั้งนี้ โดยบอกเล่าผ่านความเจ็บปวดของนักล่าที่ถูกคุกคามจากฆาตกรไร้วิญญาณ อย่างขวดน้ำหรือแก้วน้ำพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล จากพฤติกรรมมักง่ายของมนุษย์ ซึ่งขวดน้ำพลาสติกเหล่านี้ต้องการเวลา สำหรับย่อยสลายตัวเองยาวนานถึง 450 ปี หรือกว่า 4 เท่าของชีวิตคนหนึ่งคน และสัตว์ทะเลมักเข้าใจผิดว่าขยะเป็นอาหารของพวกเขา แต่แท้จริงแล้วคือมัจจุราชที่จะมาปิดชีวิตไปตลอดกาล
ภาพที่สอง หญ้าทะเลไร้ชีวิต หลอด กับ เต่าทะเล ถูกรณรงค์คู่กันมาเป็นระยะเวลายาวนาน ผ่านทั้ง ภาพ เสียงวีดีโอ เรื่องเล่า ฯลฯ ถึงมหันตภัยที่มักจะกลืนกินชีวิตจากแสนยาวนานของเต่าทะเล ให้สั้นลงชั่วข้ามคืน ข่าวความสูญเสียของเต่ากับหลอดเราพบเห็นได้ตลอดเวลา แม้ปัจจุบันจะมีการรณรงค์อย่างจริงจังในการห้ามการใช้หลอดพลาสติกบริเวณริมทะเลและชายหาด ภาพนี้เป็นส่วนหนึ่งในการบอกเล่าความยากลำบากในการใช้ชีวิตของเต่าทะเล ที่สุดท้ายแล้วหลอดกับหญ้าทะเล เต่าเหล่านี้ไม่สามารถแยกออกได้ แล้วมนุษย์อย่างเราจะหยิบยื่นหลอดให้เต่ากินได้ลงคอหรือ
ภาพโซ่ตรวนตัดชีวิต
ภาพที่สาม โซ่ตรวนตัดชีวิต จากการสำรวจพบว่า “แมวน้ำ” เสียชีวิตจากเศษซากอวนและเชือกจากการทำประมงของมนุษย์สูงที่สุด ภาพนี้ถูกสื่อสารให้เห็นถึงความรุนแรง ที่สัตว์เหล่านี้ถูกกระทำจากการใช้ชีวิตปกติของพวกเขา ความรุนแรงเหล่านี้มาจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจของมนุษย์ แต่ได้ทำลายชีวิตของสัตว์ไปนับไม่ถ้วน ภาพเหล่านี้จึงถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวความเจ็บปวด จากฆาตกรเลือดเย็นแทนสัตว์ทะเลเหล่านี้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. ได้ออกแบบการเรียนการสอนให้นักศึกษาเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง ในสิ่งที่แต่ละบุคคลสนใจและความถนัดที่แตกต่างกันสิ่งสำคัญคือการเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาแสดงความสามารถและถ่ายทอดสิ่งที่เรียนมาสร้างประโยชน์สู่สังคมโลก การถ่ายทอดข้อความใดๆ ก็ตามสักหนึ่งข้อความ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่การเขียนหรือการเล่าแบบออกเสียง “ภาพ” ถูกนำมาใช้ในการสื่อความหมายเช่นเดียวกัน หัวใจหลักของการออกแบบสารหรือข้อความเพื่อสื่อสารกับสังคมนั้น คือการออกแบบให้เข้าถึงและกุมความรู้สึกของผู้รับสาร ภาพเหล่านี้ถูกนำเสนอแทนเสียงร้องของสัตว์ทะเลต่อการคุกคามและหยิบยื่นความตายแก่พวกเขา โดยมนุษย์ผู้ไร้ความรับผิดชอบ
“สจล. ต้องการสร้างบัณฑิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่เพียงแค่การมีวิชาความรู้ติดตัวไปสู่โลกแห่งการทำงาน แต่นิทรรศการจบบริบูรณ์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะสถาปัตย์ พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ได้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาสถาบันฯ ได้หล่อหลอมให้พวกเขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและมนุษยชาติ ตั้งคำถามและออกแบบสร้างสรรค์สังคมตามความถนัดของพวกเขา คิดค้นและพัฒนาสิ่งต่างๆ รอบตัวและใช้องค์ความรู้ที่เรียนมาช่วยแก้ปัญหาของชุมชนได้อย่างยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของการเป็นสถาบันฯ รากฐานนวัตกรรมเพื่อสังคม จากฝีมือคนไทย” ผศ.ดร.อันธิกา กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่พลาดการชมผลงานในปีนี้ ต้องอดใจรอชมในช่วงมิถุนายนปี 2020 หรือติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านทาง www.facebook.com/archkmitl สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์ สจล. โทร.02-3298111 เว็บไซต์ www.kmitl.ac.th หรือ www.facebook.com/kmitlofficial
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี