โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดีว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทย และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเด็กก็เป็นโรคมะเร็งได้นับเป็นเรื่องที่น่าสลดใจที่ผู้ป่วยเด็กๆ เหล่านี้จะพลาดโอกาสในการใช้ชีวิตวัยเด็กที่แสนจะสุขสดใส เช่นเดียวกับเด็กที่ปกติ และเติบโตเป็นกำลังของชาติต่อไป
ข้อมูลจาก ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิงเลขาธิการกองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีกรมหมื่นสุทธนารีนาถ เปิดเผยว่า แม้ว่าโรคมะเร็งในเด็กพบได้น้อย แต่นับเป็นภาระทางสาธารณสุขและเป็นสาเหตุการตายที่จะสำคัญขึ้นในประเทศไทย โดยเด็กในวัย 6-18 ปี จะเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 5 คนต่อเด็ก 100,000 คน จากข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติใน พ.ศ.2553 พบผู้ป่วยโรคมะเร็งเด็กมารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก 127,597 ครั้ง และผู้ป่วยรับไว้ในโรงพยาบาล 19,159 ครั้ง โดย 86.1% ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ โรคมะเร็งในเด็กสามารถรักษาให้หายขาดได้มากกว่า 70% เนื่องจากทีมแพทย์มีความเข้าใจกลไกการทำงานของเซลล์โรคมะเร็งในเด็ก การพัฒนาประสิทธิภาพยาเคมีบำบัด ตลอดจนการรักษาประคับประคองที่ดีขึ้น
ชมรมโรคมะเร็งในเด็กแห่งประเทศไทยได้รวบรวมจำนวนผู้ป่วยจากสถาบันที่ทำการรักษา ผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กทุกสถาบันทั้งประเทศ ระหว่าง พ.ศ.2546-2549 พบว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งเด็กรายใหม่ ปีละประมาณ 1,000 คน หรือคิดเป็น 75 คนต่อเด็ก 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี โดยช่วงอายุที่พบบ่อยที่สุดคือ 2-5 ปี และเป็นเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง
การเกิดโรคมะเร็งในเด็กไทยน้อยกว่าในประเทศตะวันตก โรคมะเร็งเด็กในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น โดยทั่วไปอัตราการเกิดโรคมะเร็งในเด็กไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง แต่ที่พบมากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันมีการวินิจฉัยที่ดีขึ้นมากกว่านั่นเอง
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุด มักพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง และเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดลูคีเมียสูงถึง 72% ของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้งหมด โรคมะเร็งระบบประสาทส่วนกลางในประเทศไทยพบน้อยกว่าในประเทศตะวันตกมาก ซึ่งอาจเนื่องจากข้อจำกัดของเครื่องมือที่ซับซ้อนทางรังสีวินิจฉัยทำให้การวินิจฉัยโรคได้น้อยกว่าความจริง
โรคมะเร็งต่อมหมวกไตพบได้บ่อยในเด็กเล็กช่วงอายุ 0-4 ปี พบเท่ากันทั้งในเด็กชายและเด็กหญิง โรคมะเร็งตับในประเทศไทยลดลง ภายหลังการใช้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีให้แก่เด็กแรกเกิดทั้งประเทศทุกรายตั้งแต่ พ.ศ.2535โรคมะเร็งจอตาพบได้บ่อยในกลุ่มอายุน้อยและพบได้น้อยมากหลังอายุ 5 ปี ส่วนโรคมะเร็งกระดูกพบได้ทั้งในกะโหลกศีรษะและตำแหน่งอื่นๆ
ชมรมโรคมะเร็งในเด็กแห่งประเทศไทยได้พัฒนาการรักษาโรคมะเร็งในเด็ก ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยเริ่มจากพัฒนาสูตรการรักษาสำหรับมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองก่อน ตั้งแต่ พ.ศ.2549 และในพ.ศ. 2557 ได้ขยายสูตร การรักษาให้ครอบคลุมโรคมะเร็งในเด็กทุกชนิด รวมทั้งกำหนดแนวทางในการวินิจฉัย การตรวจสอบและกำหนดปัจจัยความเสี่ยงของโรค รวมทั้งแนวทางการรักษา สนับสนุนอย่างอื่นให้เป็นแบบเดียวกันทั้งประเทศ โดยการสนับสนุนของสำนักงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการจัดระบบให้ผู้ป่วยมะเร็งเด็กเข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึง และได้รับการรักษาแบบประคับประคองในผู้ป่วยที่รักษาไม่หายขาดด้วย โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นหลัก
ข้อมูลจาก รศ.พ.ท.นพ.ปิยะ รุจกิจยานนท์อนุกรรมการฝ่ายวิชาการ กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถเปิดเผยว่า โรคมะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมาเป็นมะเร็งก้อนนอกระบบประสาทส่วนกลางที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก ประมาณ 50-70% ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงคือ มีการกระจายของเซลล์ มะเร็งไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น ไขกระดูก กระดูก ปอด ตับ หรือมีความผิดปกติของยีน N-MYC ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้พบว่ามีอัตราการรอดชีวิตเพียง20-30% ถึงแม้จะได้รับการรักษาอย่างเต็มที่แล้ว ในประเทศไทยผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมาที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงมีจำนวนผู้ป่วยใหม่40-50 รายต่อปี
การรักษาโรคมะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมา ต้องใช้ยาเคมีบำบัดขนาดสูงร่วมกับการฉายแสงและการผ่าตัด แต่โรคมะเร็งชนิดนี้มีความรุนแรง มีการรุกรานอวัยวะข้างเคียงเป็นอย่างมาก ทำให้การผ่าตัดเป็นไปได้ยาก หรือผ่าตัดก็ไม่สามารถตัดออกได้หมด และยาเคมีบำบัดในประเทศไทยที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นยาขนาดสูง มีความแรง เพื่อต้องการให้โรคหายขาด แต่ผลเสียที่ตามมา คือ ผลข้างเคียงมากมาย เช่น การติดเชื้อ ไตทำงานผิดปกติ เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติเป็นต้น ทำให้ผู้ป่วยบางส่วนเสียชีวิต หรือละทิ้งการรักษาไป
สำหรับยาเคมีบำบัด Topotecan เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง ในต่างประเทศได้นำเอายาชนิดนี้มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมาที่กลับมาเป็นซ้ำ หรือโรคดื้อต่อยาเคมีบำบัดสูตรมาตรฐาน และในปัจจุบันได้นำมาใช้เป็นยามาตรฐานในการรักษามะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมา ที่มีความเสี่ยงสูงแล้ว ด้วยเหตุนี้ทางชมรมโรคมะเร็งในเด็กจึงได้มีความคิดที่จะนำเอายาดังกล่าวมารักษาผู้ป่วยในช่วงแรก หลังจากที่ได้รับการวินิจฉัย แต่เนื่องจากยามีราคาสูง (ประมาณ 29,000 บาท ต่อคนต่อรอบการรักษา ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ป่วย) และไม่สามารถเบิกจ่าย ได้ตามสิทธิ์การรักษาของผู้ป่วย ทำให้โอกาสที่ผู้ป่วยจะเข้าถึงยาได้ค่อนข้างยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ด้วยพระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ได้ทรงเล็งเห็นถึงความทุกข์ยากของผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็ก รวมทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมากลุ่มเสี่ยงสูงเหล่านี้ จึงได้ประทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กับกองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ เพื่อสามารถจัดหายาเคมีบำบัดดังกล่าวให้กับผู้ป่วยเด็กมะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมากลุ่มเสี่ยงสูงทุกราย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ทำให้ผู้ป่วยในภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย สามารถได้รับยาดังกล่าวอย่างทั่วถึง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และบางรายหายขาดจากโรคได้
จากผลการศึกษาในครั้งนี้ พบว่าผู้ป่วยเด็กมะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมา กลุ่มเสี่ยงสูงประมาณ 200 ราย ทุกรายที่ได้รับยาดังกล่าว ตอบสนองต่อการรักษาและไม่มีผู้ป่วยรายใดที่เสียชีวิตจากการรักษา จากข้อมูลข้างต้นส่งผลให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้การรับรองการใช้ยาเคมีบำบัดดังกล่าวในผู้ป่วยเด็กมะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมากลุ่มเสี่ยงสูง ในปี พ.ศ.2562 เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้นับจากนี้เป็นต้นไปผู้ป่วยเด็กมะเร็งต่อมหมวกไตนิวโรบลาสโตมากลุ่มเสี่ยงสูงทุกรายสามารถเข้าถึงยาได้และได้รับยาอย่างทั่วถึง ทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรค และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
นับเป็นพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ที่ประทานความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งในเด็กที่ยากไร้มาตลอดเวลา 18 ปีที่ผ่านมาโดยแท้…ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนานและขอถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี