การเปิดโลกกว้าง เพื่อศึกษาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมและการสร้างงานฝีมือในต่างแดน ถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจที่ดี นำมาซึ่งการพัฒนาต่อยอดในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปหัตถกรรมไทยให้ดียิ่งๆ ขึ้น ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้จึงนำครูศิลป์ของแผ่นดิน,ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรมเดินทางไปยังประเทศตุรกี ที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งอารยธรรม และศิลปวัฒนธรรม สำคัญแห่งหนึ่งของโลก เพื่อเรียนรู้ภูมิปัญญา ทักษะ และเทคนิคในงานศิลปหัตถกรรมอันหลากหลาย โดยนำเยี่ยมหมู่บ้านเอทริม (Village of Etrim) แหล่ง “ทอพรม”ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 100 ปี พร้อมชมพิพิธภัณฑ์กระเบื้อง (Karatay Medreseri Museum) พิพิธภัณฑ์เก่าแก่อายุ 1,000 ปี
อัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ หรือ SACICT นำคณะ เดินทางไปประเทศตุรกี เพื่อเรียนรู้องค์ความรู้ภูมิปัญญา ทักษะและเทคนิคในงานศิลปหัตถกรรม จากแหล่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งการสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาเยือน ทั้งนี้ ตุรกีเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมเก่าแก่ หลากหลาย มีงานศิลปะที่แสดงถึงอัตลักษณ์เป็นแหล่งสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นน่าหลงใหลระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นงาน “เซรามิก” ที่มีเอกลักษณ์และมีประวัติความเป็นมานับพันปี งาน “ทอพรม” ที่โดดเด่นด้วยลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โอกาสนี้ยังได้ร่วมแลกเปลี่ยน เรียนรู้งานฝีมือ เริ่มต้นที่หมู่บ้านเอทริม (Village of Etrim) แหล่ง “ทอพรม” ของประเทศตุรกี เรียนรู้การย้อมสีธรรมชาติเส้นใย การผสมสีสันสำหรับใช้ทอพรม เทคนิคการทอ และการสร้างสรรค์ลวดลายบนผืนพรมหมู่บ้านเอทริมนับเป็นหมู่บ้าน “ทอพรม” พื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของตุรกี ที่สำคัญ คือ เป็นแหล่ง “ทอพรมด้วยมือ”แบบโบราณ ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน แต่ละครอบครัวได้ทอพรมมาอย่างต่อเนื่อง จากรุ่นสู่รุ่นกว่า 100 ปี ผู้ทอพรมจะเป็นผู้หญิง หลังจากทำงานบ้านหรืองานประจำเสร็จแล้ว จะนั่งทอพรมตลอดทั้งวัน เป็นวิถีชีวิตประจำวันของผู้หญิงในหมู่บ้านแห่งนี้ ส่วนผู้ชายหรือสามีจะทำหน้าที่นำพรมไปขาย
วัตถุดิบที่ใช้ในการทอพรม จะใช้เส้นใยจากขนสัตว์ เส้นใยฝ้าย และเส้นใยไหม หรืออาจจะมีการผสมผสานเส้นใย 2 ชนิดเข้าด้วยกัน เช่น เส้นใย ขนสัตว์กับเส้นใยฝ้าย เส้นใยฝ้ายกับเส้นใยไหมส่วนสีย้อมเส้นใยจะย้อมด้วยสีธรรมชาติ จากวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ต้นลาเวนเดอร์ป่า รากหญ้า ต้นหญ้าเปลือกวอลนัท เป็นต้น สีที่ได้จึงเป็นโทนพาสเทลแต่มีความสดใส ไม่ฉูดฉาด ที่สำคัญ สีจะติดคงทนไม่ตก ไม่ซีด ส่วนลวดลายบนผืนพรม มักเป็นลวดลายพืชพรรณ ดอกไม้ ใบไม้ หรือเรขาคณิต อาจมีลายสัตว์อยู่บ้าง เช่น ลายนก หรือลายแมงป่องกล่าวคือมักเป็นลวดลายที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน หรือลายตามจินตนาการ ลวดลายการทอพรมของหมู่บ้านแห่งนี้ นอกจากความสวยงามแล้ว ยังสอดแทรกความหมายของวิถีชีวิตชาวพื้นเมือง หรือ คติความเชื่อเช่น การทอเป็นลายกิ่งไม้ หมายถึงตัวแทนของต้นไม้แห่งชีวิต การทอเป็นลายแมงป่อง ถือเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจ และมีความเชื่อว่า จะทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง เพราะแมงป่องจะกระดกหางชูสูงขึ้นตลอดเวลา การทอเป็นลายมัดข้าวสาลี หมายถึงความมั่งคั่ง ความอุดมสมบูรณ์ หรืออาจทอเป็นลวดลายดวงตาปีศาจ ตามความเชื่อที่ว่าจะป้องกันและขจัดความชั่วร้าย เป็นต้น
การทอพรมที่หมู่บ้านเอทริมนี้จะใช้ “เทคนิค ดับเบิ้ล นอตส์” (double knots) พรมแต่ละผืนต้องใช้ทั้งเวลาและความชำนาญ ผู้หญิงทอพรมที่หมู่บ้านแห่งนี้สามารถทอลวดลายได้ด้วยทักษะและความชำนาญสูง ไม่ต้องมีแบบร่างลายใดๆ มาใช้ประกอบ ทุกลายออกมาจากความจำ จินตนาการและทักษะความชำนาญ แต่ละผืนจะมีลวดลายที่ไม่ซ้ำกันใช้เวลาทอ 2-8 เดือน หากมีลวดลายเล็กละเอียดและมีขนาดใหญ่อาจใช้เวลา 3-5 ปี หมู่บ้านแห่งนี้ มีการทอพรมแทบทั้งหมู่บ้าน มีระบบการจัดจำหน่ายในรูปแบบสหกรณ์ เมื่อมีรายได้จากการจำหน่ายก็จะคืนกลับสู่ผู้ทอ นอกจากการเยี่ยมชมหมู่บ้านทอพรมแล้วยังได้นำคณะครูศิลป์ฯ ครูช่างฯ ทายาทฯ ไปชมพิพิธภัณฑ์กระเบื้อง (Karatay Medreseri Museum)ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองคอนย่า (Konya) เพื่อศึกษาเรียนรู้เทคนิคและศิลปะลวดลายงานเซรามิกและกระเบื้องเคลือบที่มีอายุนับ 1,000 ปี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 800 ปี ที่แล้ว โดย เซลจุก (Seljuk) อิหม่ามหรือผู้นำศาสนา ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองคอนย่าในขณะนั้น ภายในพิพิธภัณฑ์ มีงานศิลปหัตถกรรมที่สำคัญ อายุนับพันกว่าปี เช่น กระเบื้องเซรามิกเขียนลาย งานผ้าปัก งานถ้วยชามโบราณเขียนลาย เป็นต้น ส่วนสำคัญของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะมีการตกแต่งผนังด้านในอย่างงดงามด้วยกระเบื้องเซรามิก ด้วย โทนสีน้ำเงิน ฟ้า ขาว ที่มีลวดลายเชิงศิลปะที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์แบบศิลปะอิสลาม และบางส่วนมีการนำคำสอนจากพระคัมภีร์อัลกุรอาน มาเขียนเป็นลวดลายประดับตกแต่งอย่างงดงาม นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเซรามิกโบราณจากแหล่งโบราณคดีนับพันปีอีกด้วย
การนำคณะ เดินทางไปชมกรรมวิธีการทอพรมแบบโบราณ และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สำคัญของประเทศตุรกี ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการช่วยเปิดโลกทัศน์ มุมมอง ตลอดจนการเรียนรู้ถึงเทคนิควิธีการสร้างสรรค์ผลงาน ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ และแนวคิด เพื่อนำมาประยุกต์เทคนิควิธีการสร้างสรรค์ผลงานให้โดดเด่น แตกต่าง แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ และเพิ่มมูลค่า ในชิ้นงานของแต่ละคนได้มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี