ข่าวใหญ่เกี่ยวกับการเมืองในสหรัฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องหนึ่งหนีไม่พ้นการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ทวิตข้อความ “ไล่” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสส. หญิง 4 คน จากพรรคเดโมแครตที่เรียกตัวเองว่า The Squadให้กลับประเทศตัวเอง หากไม่พอใจที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกา เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว
ใครคือ The Squad?
คำว่า “squad” หมายถึงกลุ่มคนเล็กๆ ที่มารวมตัวกันเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง หรืออาจจะหมายถึง กลุ่ม แก๊ง ก๊วน ทีม The Squad คือฉายาที่กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้หญิง 4 คน จากพรรคเดโมแครต ที่ได้รับเลือกเข้าสภาสมัยแรก เรียกตัวเองด้วยชื่อนี้ ถ้าจะเรียกง่ายๆ ก็อาจใช้คำว่า “แก๊ง 4 สส.หญิงปากกล้า” เพราะพวกเธอทั้ง 4 คน กำลังสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ด้วยฝีไม้ลายมือ ฝีปากอันคมคาย และความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะต่อสู้กับทรัมป์ ด้วยเรื่องนโยบายกีดกันสีผิว และกีดกันคนเข้าเมือง
แก๊งนี้ประกอบด้วย อิลฮาน โอมาร์ เชื้อสายโซมาเลีย จากรัฐมินนิโซตา, อยันนา เพรสลีย์ เชื้อสายอัฟริกันอเมริกัน จากรัฐแมสซาชูเซตส์,อเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ คอร์เตซ เชื้อสายเปอร์โตริกัน จากนิวยอร์ก ที่สร้างประวัติศาสตร์ได้รับเลือกเป็นสส. ด้วยอายุน้อยที่สุด เพียง 29 ปี และ ราชิดา เทเลบ เชื้อสายปาเลสไตน์ จากรัฐมิชิแกน โดยเพรสลีย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ CBS This morning ว่า เรียกตัวเองว่าThe Squad ระหว่างถ่ายภาพร่วมกันครั้งหนึ่ง พวกเธอคิดที่จะรวมกลุ่มกันไม่ใช่เพียงเพื่อท้าทายอำนาจเดิมๆ แต่ตั้งใจที่จะเสริมสร้าง ขับเคลื่อนสิ่งใหม่ๆ
แก๊ง The Squad กำลังได้รับการพูดถึงกันมาก เมื่อพวกเธอแถลงข่าวพร้อมกัน ในวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม ตอบโต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ทวิตเอ่ยปากไล่พวกเธอออกจากสหรัฐฯ และบอกว่าบ่นกันมากนัก ไม่ชอบประเทศนี้ก็จงออกไป ทรัมป์ยังกล่าวหาว่าสส.หญิงทั้ง 4 มีแนวคิดสังคมนิยม เกลียดสหรัฐ และเกลียดอิสราเอล
The Squad ตอบโต้ว่าการกระทำและคำพูดของทรัมป์ คือการแสดงออกของกลุ่มผิวขาวสุดโต่งที่ยกว่าคนผิวขาวเหนือกว่าผิวสีอื่น หรือ White Supremacists และตอกว่าจะให้พวกเธอไปไหน พวกเธอ 3 คน เกิดและโตในสหรัฐ มีเพียงโอมาร์เท่านั้นที่เกิดนอกสหรัฐ แต่ทุกวันนี้เธอได้สัญชาติแล้ว ขณะที่ทรัมป์ก็ออกมาโต้อีกว่า เขาไม่ได้เป็นพวกเหยียดผิว แค่แสดงความเห็นจากสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น และเมื่อดูจากการกระทำแล้วเขายังเชื่อมั่นว่า บุคคลเหล่านี้เกลียดประเทศสหรัฐ
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งระหว่าง สส. หญิงหัวก้าวหน้าทั้ง 4 คนและทรัมป์ เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม เมื่อ สส. หญิงทั้งสี่ ร้องเรียนต่อคณะกรรมการ สส. เป็นห่วงสภาพศูนย์ผู้อพยพในรัฐเท็กซัสที่พวกเธอไปเยือนว่าสภาพแย่มาก ขณะที่ทรัมป์ปฏิเสธและบอกว่าได้รับข้อมูลว่าศูนย์มีสภาพดี จนนำไปสู่วิวาทะที่กำลังร้อนแรงโต้กันไปมาทางทวิตเตอร์
ประเด็น “ไล่คนอเมริกันออกจากอเมริกา” เดือดและเป็นที่วิจารณ์หนักมาก จนสภาคองเกรสภายใต้การนำของแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภา จากพรรคเดโมแครต เปิดประชุมและลงมติในวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อประณามคำพูดและท่าทีของทรัมป์ต่อ สส.หญิงทั้ง 4 คนที่ประชุมเห็นด้วยกับมติที่ว่าการแสดงความเห็นของทรัมป์ ส่งเสริมให้เกิดความเกลียดชัง และความกลัวในคนอเมริกันและคนผิวสี ก่อนผ่านมติด้วยคะแนน 240 ต่อ 187ถือเป็นความเห็นของ สส. แม้จะไม่มีผลทางกฎหมาย แต่เท่ากับเป็นการวิจารณ์ประธานาธิบดีอย่างเปิดเผย
สส.หญิงกลุ่มนี้ย้ำว่า คำพูดและการกระทำของประธานาธิบดีทรัมป์ เท่ากับการคุกคามพวกเธอ ที่ผ่านมาไม่เคยถูกคุกคามหนักมากเท่านี้มาก่อน โดยเฉพาะจากระดับผู้นำประเทศ แต่ยืนยันจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ไม่หนีไปไหน เพราะสหรัฐอเมริกา คือบ้านของพวกเธอ
ในส่วนของท่าทีประธานาธิบดีทรัมป์ หลายคนมองว่า การแสดงจุดยืนแข็งกร้าวของเขาคือกลยุทธ์หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 และเมื่อยิ่งเป็นแบบนี้ ยิ่งมีแนวโน้มว่าคนจะเทคะแนนให้ทรัมป์มากขึ้น เห็นได้จากการไปหาเสียงที่รัฐนอร์ทแคโรไลนาเมื่อไม่กี่วันก่อน ช่วงที่ทรัมป์พูดถึงสส.หญิงกลุ่มนี้ บรรดาผู้สนับสนุนต่างพร้อมใจตะโกนคำว่า “Send her back” กันอื้ออึง
เป็นมิติใหม่ของประชาธิปไตยที่น่ากลัวจริงๆ
@koopnot01
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี