สุกัญญาดา รัตนกุลชัยวัฒน์
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เผยกุญแจสำคัญในแผนกผู้ป่วย ICU บุคลากรชำนาญการ เทคโนโลยีทันสมัย การทำงานเป็นทีมแบบสหสาขาวิชาชีพ ช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้
นางสาวสุกัญญาดา รัตนกุลชัยวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์แผนกผู้ป่วยหนักและแผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า แผนกไอซียูสามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้ถึง 63 เตียง จากจำนวนเตียงทั้งหมดในโรงพยาบาล 580 เตียงคิดเป็นสัดส่วน 12% ถือว่ามีสัดส่วนสูงกว่าโรงพยาบาลทั่วไปที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10% ในปี 2561 มีสัดส่วนผู้ป่วยหนักคนไทย 52% และต่างชาติ 48% โดยแบ่งเป็นต่างชาติที่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย 16% และต่างชาติที่เดินทางเข้ามารักษา 32% ซึ่งแนวโน้มของผู้ป่วยหนักที่เข้ารับบริการมีสูงขึ้น เกิดจากการที่ทีมมองผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางทำงานประสานงานร่วมมือกันเพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย จนเกิดการบอกต่อของผู้ป่วย ญาติมิตรหรือจากการส่งต่อมาจากโรงพยาบาลพันธมิตรที่มีกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ และจากโรงพยาบาลในต่างประเทศโดยภาวะที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษามากที่สุด3 อันดับแรก ได้แก่ 1.โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ 2.โรคหัวใจ และ3.โรคที่เกี่ยวกับระบบสมอง ซึ่งล้วนเป็นโรคที่ส่งผลต่อการสูญเสียชีวิตมากที่สุด
ปัจจุบันแผนกไอซียู โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ มีทั้งหมด 5 แผนก ประกอบด้วย แผนกผู้ป่วยหนัก 1 ดูแลรักษาผู้ป่วยหนักทางระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิต ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายตับและผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผนกผู้ป่วยหนัก 2 ดูแลรักษาผู้ป่วยหนักทางระบบประสาทและสมอง โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก ผู้ป่วยโคม่าและผู้ป่วยหลังผ่าตัดอวัยวะสำคัญต่างๆ แผนกผู้ป่วยหนัก 3 ดูแลรักษาผู้ป่วยหนักเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 เดือนถึง 15 ปีและผู้ป่วยหนักทางสูตินรีเวช แผนกผู้ป่วยหนัก 4 ดูแลรักษาผู้ป่วยหนักที่มีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ และแผนกผู้ป่วยวิกฤติหัวใจดูแลรักษาผู้ป่วยหนักโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน
นพ.เขมชาติ พงศานนท์
ด้าน นายแพทย์วรกิจ เฉลิมสกุลรัตน์ อายุรแพทย์ด้านเวชบําบัดวิกฤติและโรคปอด หัวหน้าหน่วยเวชบําบัดวิกฤติ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กล่าวว่า แผนกไอซียูมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผู้ป่วยวิกฤติที่ผ่านหลักสูตรมาตรฐานผู้ป่วยวิกฤติและสำเร็จเป็นผู้ชำนาญการพิเศษเวชบำบัดวิกฤติจาก American Board of Critical Care Medicine สหรัฐอเมริกา จำนวน 6 ท่าน ทำงานร่วมกับแพทย์เฉพาะทางในสาขาต่างๆ และทีมสหสาขาวิชาชีพที่จะต้องประสานความร่วมมือในการดูแลรักษา โดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ทีมพร้อมปฏิบัติงานและดูแลผู้ป่วยทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผู้ที่เข้ารับการรักษาเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ผู้ป่วยที่มีความเจ็บป่วยขั้นวิกฤติอาจถึงชีวิต เช่น หัวใจวาย การหายใจล้มเหลว ความดันโลหิตตก ไตวาย อวัยวะต่างๆล้มเหลว หรือผู้ป่วยที่คาดการณ์ได้ว่ามีความเสี่ยงที่อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็ว เช่น ผู้ป่วยหลังผ่าตัดใหญ่หรือผู้ที่มีเลือดออกจากทางเดินอาหาร เป็นต้น
ทั้งนี้ การให้การดูแลผู้ป่วยหนักในแผนกไอซียูจะแยกเป็นห้องผู้ใหญ่และห้องเด็ก โดยห้องไอซียูผู้ใหญ่จะมีเครื่องมือทางการแพทย์ทันสมัยที่มีความจำเป็นในการดูแลรักษา และติดตามอาการของผู้ป่วยครบครัน เพื่อประคับประคองการทำงานของอวัยวะสำคัญที่มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในไอซียู ก่อนที่จะทำการวินิจฉัยโรคและรักษาจำเพาะโรคต่อไป
นายแพทย์เขมชาติ พงศานนท์ กุมารแพทย์เวชบำบัดวิกฤติและโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า สำหรับห้องไอซียูเด็กในแผนกผู้ป่วยหนัก 4 จะมีทั้งหมด 9 ห้อง จะแตกต่างจากห้องไอซียูผู้ใหญ่ แต่ละห้องมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อดูแลเด็กโดยเฉพาะ เช่น เครื่องตรวจประเมินการทำงานของหัวใจ ที่จำเป็นเครื่องมือขนาดเล็กและใช้สายแปะเข้ากับร่างกายของเด็ก ทำให้สามารถติดตามการทำงานของหัวใจได้ตลอด เพราะเด็กไม่สามารถใช้เครื่องเอคโม่หรือการใส่สายสวนหัวใจได้เหมือนผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กจะไม่มีความนิ่ง เครื่องช่วยหายใจความถี่สูงจะใช้กับเด็กโดยเฉพาะ เนื่องจากปอดเด็กจะต่างจากปอดผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างจะสกปรกกว่าปอดเด็ก รวมถึงเครื่องช่วยหายใจแบบหน้ากากก็จะใช้สำหรับไอซียูเด็กจะเป็นเครื่องช่วยหายใจแบบที่ไม่ต้องเจาะคอ แต่จะใส่แบบหน้ากากก็จะมีแค่สายออกซิเจนแล้วก็จะใส่สวมเข้าทางจมูก ตัวสายมีความนุ่มไม่ทำให้เด็กรำคาญ ซึ่งตัวเครื่องนี้จะช่วยดันออกซิเจนเข้าไปถึงปอดได้เช่นกัน
ส่วนเครื่องอัลตราซาวนด์ห้องไอซียูเด็ก ก็จะเป็นเครื่องสำหรับเด็กโดยเฉพาะเช่นกัน เพราะบางอุปกรณ์ค่อนข้างใหญ่จะใช้กับเด็กไม่ได้ ที่สำคัญภายในห้องไอซียูเด็กจะมีโซนให้ผู้ปกครองสามารถอยู่กับเด็กได้ตลอดเวลา ทำให้ผู้ปกครองไม่ต้องวิตกกังวล ขณะที่เด็กก็จะให้ความร่วมมือในการรักษา ไม่รู้สึกกลัวเพราะมีกำลังใจจากผู้ปกครองอยู่ข้างๆ ซึ่งผู้ป่วยในไอซียูเด็กส่วนใหญ่จะเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อาทิ โรคปอดบวม หรือ RSV ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็ก เป็นต้น
นพ.วรกิจ เฉลิมสกุลรัตน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี