จับงานมาหลากหลายบทบาท ก่อนจะผันตัวมาเดินบนเส้นทางสายการศึกษา จากอาจารย์ผู้สอนได้รับความไว้วางใจสู่ตำแหน่งบริหาร ดร.เบญจวรรณ สุจริต รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ แต่ยังคงมุ่งมั่นกับการเป็นผู้ให้วิชาความรู้แก่ศิษย์อย่างสุดความสามารถ และทำทุกหน้าที่อย่างมีความสุขในทุกวัน
“เหมือนพรหมลิขิตให้ต้องมาทางนี้ เพราะก่อนหน้านั้นดิฉันทำงานอยู่รัฐวิสาหกิจ เป็นนักจัดรายการวิทยุ เปิดร้านอาหาร
จำได้ว่าวันนั้นกำลังอ่านข่าวประกาศรับสมัครอาจารย์ของสถาบันราชภัฏอุตรดิตถ์อยู่ กลับบ้านไปนั่งคิดว่าเรามีประสบการณ์ทำงานหลากหลาย เราน่าจะนำประสบการณ์ความรู้ตรงนั้นไปสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่านี้ และโดยส่วนตัวก็เป็นคนชอบสื่อสารกับผู้อื่น ซึ่งงานสอนหนังสือก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราจะได้นำความรู้ ประสบการณ์ไปถ่ายทอดต่อก็เลยตัดสินใจไปสมัคร พอผ่านการสอบคัดเลือกขั้นตอนต่างๆ ก็ได้เริ่มงานสอนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2545 ถึงวันนี้ก็ 17 ปีแล้วค่ะ”
บนเส้นทางสายการศึกษา ดร.เบญจวรรณ เป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรคณะบริหารธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กระทั่งปี พ.ศ. 2556 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองอธิการบดี รับผิดชอบสำนักงานกิจการพิเศษ และประชาสัมพันธ์องค์กร ก่อนจะได้รับตำแหน่งรองอธิการบดีในปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน
“จากการทำงานสอนหนังสือเพียงอย่างเดียว พอได้รับมอบหมายให้ดูแลงานบริหารควบคู่กันด้วย ก็ต้องมีการเปลี่ยนบทบาท เพราะในความรับผิดชอบของเรานอกจากดูแลนโยบายและแผนของมหาวิทยาลัยแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานด้านยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นด้วย ก็ต้องแสดงบทบาทที่เหมาะสมกับสิ่งที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารตั้งแต่อายุยังไม่มากนักและเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวในขณะนั้นที่ได้รับเลือกให้มาเป็นรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัย จึงต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการพิสูจน์ความสามารถให้เป็นที่ยอมรับว่าเรามีความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ที่ผู้ใหญ่ไว้วางใจให้มาทำงานตรงนี้”
ดร.เบญจวรรณ เล่าถึง บทบาทหน้าที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ที่สำคัญว่า ไม่ใช่เพียงการผลิตบัณฑิตเท่านั้น แต่บัณฑิตที่จบไปจะต้องมีคุณภาพที่สามารถช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นได้
“มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ หรือ มรอ. มีวิสัยทัศน์ คือสถาบันอุดมศึกษาร่วมพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน และมีอัตลักษณ์มหาวิทยาลัย คือ ดี เก่ง มีจิตอาสา พัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการ โดย มรอ. มีเขตพื้นที่การศึกษา
ที่รับผิดชอบใน 3 จังหวัด ได้แก่ แพร่ น่าน และอุตรดิตถ์ ซึ่งมหาวิทยาลัยมีการจัดหลักสูตรการศึกษาที่สอดคล้องกับพื้นที่ เพราะมีเป้าหมายในการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถ มีจิตอาสา สามารถนำความรู้ความสามารถนั้นไปประกอบอาชีพ เลี้ยงดูพึ่งพาตนเองได้ และในขณะเดียวกันเราก็ปลูกฝังให้นักศึกษามีจิตอาสาด้วยการนำความรู้จากห้องเรียนลงไปแก้ไขปัญหา หรือพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตัวเอง เพื่อให้นักศึกษาหรือบัณฑิตที่จบการศึกษาไปเกิดความรัก ความภูมิใจ ในท้องถิ่นของตัวเอง”
แต่ให้เลือกระหว่างงานสอน กับงานบริหาร ดร.เบญจวรรณ บอกว่า งานสอน “การสอนหนังสือคือการให้ความรู้ทำให้เราสนุก เพราะเราไมได้ยืนอยู่หน้าห้องแล้วฉายสไลด์ แต่เราได้อธิบาย ได้เล่าประสบการณ์ รู้สึกชอบที่จะเอาความรู้ที่เรามีอยู่มาถ่ายทอดให้นักศึกษาได้โต้ตอบ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากกว่า และทุกครั้งที่มีนักศึกษามาบอกว่าอาจารย์สอนสนุก เข้าใจง่าย สามารถนำไปใช้ได้จริง มันเป็นความสุขความภูมิใจว่าเราได้ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่ แต่พอมีงานบริหารเข้ามาภาระงานสอนก็ลดลงตามภารกิจบริหาร วันไหนที่มีงานประชุมด่วน ก็จะหาเวลาสอนชดเชยให้กับนักศึกษาหรือให้อาจารย์ท่านอื่นสอนแทนคิดเสมอว่าเราต้องพยายามที่จะทำงานทั้งสองบทบาทควบคู่กันให้ดีที่สุดค่ะ”
ในบทบาทหน้าที่ที่มีให้ทำมากมายในฐานะ รองอธิการบดี ดร.เบญจวรรณ เผยถึงเคล็ดลับการทำงานให้ฟังว่า
“ไม่ว่าจะทำงานหรือใช้ชีวิตส่วนตัว มันมีความเครียดด้วยกันทั้งนั้น เราจึงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงความเครียด
ได้เลย โดยส่วนตัวก็พยายามจะบำบัดความเครียดออกไปให้เร็วที่สุดค่ะ และจะทำงานให้มีความสุข ซึ่งส่วนตัวเวลาที่ได้รับ
มอบหมายงานอะไรมาจะไม่มีคำว่า “ทำไม่ได้” แต่จะลงมือทำก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ถึงจะปรับเปลี่ยนแนวทาง แล้วคิดเสมอว่าทำด้วยความสุข เพราะการมีความสุขกับงานที่ทำจะทำให้เราทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรก็ตามเราจะสามารถแก้ไข และพร้อมที่จะรับมือกับงานหนักได้อย่างดี และเชื่อมั่นว่าเมื่อเรามีความสุขทำอย่างเต็มที่แล้วผลจะออกมาดีเสมอ”
ด้วยความเป็นคนไม่อยู่นิ่ง แม้งานบริหารและงานสอนจะล้นมือ แต่ ดร.เบญจวรรณ ก็ชอบท้าทายตัวเองอยู่เสมอ ล่าสุดเปิดธุรกิจเล็กๆ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อว่า ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม
“ดิฉันเป็นคนชอบทำอาหารมาก และชอบทานก๋วยเตี๋ยว โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวไทย และหมูแดงอบน้ำผึ้งซึ่งสูตรก๋วยเตี๋ยวของเราเป็นสูตรดั้งเดิมทำทานกันมานานเป็น 10 ปี ทำในช่วงเทศกาลที่ญาติพี่น้องมารวมกัน ทำแล้วมีคนทานจนหมด เราก็มีดีใจ และความสุข จนอยากเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ส่วนหมูแดงอบน้ำผึ้งได้พัฒนาและทดลองสูตรหมูแดงอบน้ำผึ้งมานานมากเช่นเดียวกันกว่าจะได้สูตรที่ลงตัวจนใครได้ชิมก็ติดใจ เลยเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นธุรกิจเสริม พอลูกค้าได้ทานก็ชอบกันถามว่าเราไปซื้อแฟรนไชส์มาหรือเปล่า อยากได้บ้าง ถึงแม้ร้านเราเพิ่งเปิดบริการได้ 3-4 เดือน จึงอยากจะขายแฟรนไชส์หมูยิ้มให้กับผู้สนใจอยากมีธุรกิจเสริมหรือผู้ที่ต้องการอาชีพ โดยแนวคิดของการเป็นผู้ให้เหมือนเดิม คือให้โอกาส ให้อาชีพคนสนใจอยากซื้อแฟรนไชส์เราลงทุนไม่สูง จะขายก๋วยเตี๋ยวหมูแดงอบน้ำผึ้งหรือเป็นข้าวหมูแดงก็ได้ โดยเราจะส่งหมูแดงให้ สอนวิธีการอบการปรุงน้ำซอสให้ มีอุปกรณ์เริ่มต้นให้ ในราคาแฟรนไชส์เริ่มต้นที่งบประมาณเพียงแค่หมื่นต้นๆ ใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็คืนทุนแล้วค่ะ”
บทบาทหน้าที่ที่เอ่ยมาทั้งหมดเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะ ดร.เบญจวรรณ ยังคงมีบทบาทด้านการเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ทั้งในด้านการวางแผนนโยบาย การกำหนดกลยุทธ์ เทคนิคการสื่สาร การบริการแบบมืออาชีพ การสื่อสารต่อหน้าชุมชน และที่ถูกเชิญบ่อยๆ ได้แก่ การพัฒนาบุคลิกภาพ ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้
ยังมีแผนที่จะเขียนหนังสือพอคเกตบุ๊ค “พูดแล้วฉลาด” ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการให้ความรู้ที่มีประโยชน์แก่ผู้อื่นทั้งสิ้น เรียกว่ามีจิตวิญญาณของการเป็น “ครู” อย่างเต็มเปี่ยมทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี