สังสรรค์วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 89 ปี พล.อ.สิงหา เสาวภาพ ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 86 ปี พล.ต.หญิง คุณหญิงอัสนีย์ เสาวภาพ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการ สภาสังคมสงเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีแขกผู้มีเกียรติ พร้อมคณะกรรมการ นพ.ขจิต ชูปัญญา รองประธานสภา คนที่ 1, สมถวิล บุณโยปัษฎัมภ์ รองประธานสภา คนที่ 2, ว่าที่ ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช รองประธานสภา คนที่ 4,เพ็ญพักตร์ ศรีทอง เลขาธิการ, พัชนี เธียรธวัช, สุรวัฒน์ ชมภูพงษ์, ศุลีมาศ สุทธิสัมพัทน์, ผศ.ดร.วชิรญา บัวศรี, ผศ.ดร.วิรชฎา บัวศรี, จรรย์สมร วัธนเวคิน, ยุวดี นิ่มสมบุญ และคณะเข้าร่วมอวยพรวันเกิด ณ ห้องประชุม ชั้น 3 ตึกนวมหาราช สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2562

โดยงานนี้ พล.อ.สิงหา เสาวภาพ มอบหนังสือที่ได้เขียนเรื่องราวชีวิตเกินร้อยในหนังสือครบรอบวันคล้ายวันเกิดในปีนี้แจกผู้ที่มาร่วมงานได้อ่านประวัติและเรื่องราวความรักที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่ทั้งคู่ก็ยังรักกันเสมอ ตั้งแต่วันแรกที่เจอว่า “ผมและคุณหญิงแต่งงานกันเมื่อ 14 มกราคม 2500 จนถึงวันนี้ก็ 62 ปีกว่าแล้ว ชีวิตเราสองคนเรียกว่าเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะใช้เงินที่เก็บกัน2 คน ไปใช้งานแต่งกันหมด โดยเราไม่ได้รบกวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มีมอเตอร์ไซค์มือสอง 1 คัน ใช้ขับซ้อนท้ายกันไปทำงานและไปไหนๆ ด้วยกัน อยู่บ้านหลวงที่ศูนย์ทหารราบจังหวัดลพบุรี เป็นคุณหมอคุณพยาบาลประจำค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทำงานจนเป็นที่รู้จักกันทั้งค่าย ชีวิตเริ่มต้น 6 ปี 8 เดือนที่ลพบุรี ย้ายเข้าไปอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กองศัลยกรรม คุณหญิงเป็นพยาบาลห้องผ่าตัดโรงพยาบาลเดียวกัน ต่อมาย้ายไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนพยาบาลห้องผ่าตัดโรงพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัยกองทัพบก และศึกษาต่อครูพยาบาล ส่วนผมทำงานที่เดิม และสมัครเข้าเรียนหลักสูตรทางทหารต่างๆ ที่กรมแพทย์ทหารบกเปิดมีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหลายหลักสูตร เป็นเวลา 3 ปี 8 เดือนคุณหญิงได้ลาออกจากงานราชการ และติดตามผมไปด้วย คุณหญิงได้ไปทำงานในห้องผ่าตัด โรงพยาบาลวอเตอร์รีด ผมเป็นแพทย์ทหารบกคนแรกที่มีโอกาสฝึกงาน ดูงานในโรงพยาบาลวอเตอร์รีด

เมื่อกลับจากต่างประเทศ ผมปฏิบัติงานในกองศัลยกรรม แผนกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ แผนกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะเป็นแผนกที่เปิดขึ้นใหม่ ส่วนคุณหญิงเข้ารับราชการทหารใหม่ ได้ทำงานที่แผนกการแพทย์และพยาบาล กองวิทยาการ กรมแพทย์ทหารบกผมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นระยะๆ จากหัวหน้ากองศัลยกรรม เป็นผู้ช่วยพระมงกุฎเกล้า ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎ ผู้อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้าคนแรก และเจ้ากรมแพทย์ทหารบก และสุดท้ายเป็นประจำสำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด อัตราพลเอก ช่างนับเป็นแพทย์ทหารคนแรกกองทัพและประเทศที่มียศสูงถึงขึ้นพลเอก นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ส่วนคุณหญิงในระหว่างทำงานอยู่ที่กองวิทยาการกรมแพทย์ทหารบก ได้ศึกษาต่อจนจบหลักสูตร ครุศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการพยาบาล) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และย้ายมาทำงานที่วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบกจนถึงตำแหน่งสูงสุดเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก เป็นเวลา 11 ปี

ตลอดชีวิตการทำงานของเราสองคนมีความเหมือนกันคือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนต้องทำความเจริญและความก้าวหน้าให้หน่วยงานที่เราทำงานนั้นอย่างเต็มความสามารถ ชีวิตที่เริ่มจาก “ศูนย์” ของเราสองคน จนมาถึงวันนี้เป็นชีวิตที่เกินร้อย เกินความคาดหวังของเราแล้วต้องขอบอกว่า ความสำเร็จในวันนี้เราไม่ได้เดินทางกันมา 2 คน แต่เรามีเพื่อนร่วมทางที่เป็นแรงดึงจากผู้บังคับบัญชา แรงผลักและแรงประคองจากเพื่อนผู้ร่วมงานและลูกน้อง รวมทั้งเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ อดทน ที่รู้จักรอคอยความสำเร็จ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างถูกต้องกาลเทศะ อ่อนโยน มีน้ำใจ และจริงใจกับทุกคนแล้ว รางวัลชีวิตจะตามมาเอง เพราะสังคมมองเห็นคุณงามความดีที่เราสร้างสมมาตลอดชีวิตและสม่ำเสมอ มักมีคนถามว่าเมื่อไรจะหยุดทำงานกัน อยากให้ได้พักผ่อนบ้างเราตอบว่าเราสองคนจะทำงานกันต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำไม่ไหวเพราะนั่นคือคุณค่าของชีวิตที่เกิดมาแล้ว”