วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
หากพูดถึงเนื้องอกในมดลูกของผู้หญิงในปัจจุบัน ถือเป็นอาการที่พบได้เยอะในผู้หญิงตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป และแนวทางในการรักษา ก็คงหนีไม่พ้นการผ่าตัดที่นิยมรักษากันอย่างแพร่หลาย ซึ่งล่าสุดศาสตราจารย์นายแพทย์แจ็ค ดอนเนส์ (Prof Jacques Donnez) นักวิจัยชาวเบลเยี่ยม ได้คิดค้นตัวยา "แอสเมียร์" ขึ้นมา โดยใช้ระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อรักษาเนื้องอกในมดลูกของสตรี โดยวิธีการกิน ที่สามารถรักษาเนื้องอกในมดลูกให้ฝ่อ หรือตัดอายุขัยของเนื้องอกได้ ซึ่งศาตราจารย์นายแพทย์แจ็ค ดอนเนส์ (Prof Jacques Donnez) บินตรงมาบรรยายและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนวัตกรรมตัวใหม่นี้ ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โดยมี "นายแพทย์บุญแสง วุฒิพันธุ์" สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้ข้อมูลถึงการรักษาด้วยตัวยาแอสเมียร์ว่า
“ณ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลสมิติเวช เริ่มเปิดใช้รักษาคนไข้เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว หลังจากยาได้รับการอนุมัติจาก องค์การอาหารและยาในเมืองไทย ซึ่ง ณ ตอนนี้ในเมืองไทยเริ่มมีการเปิดใช้รักษาคนไข้ตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้วเช่นกัน โดย “แอสเมียร์” ยังได้รับอนุมัติใน 2 ข้อบ่งใช้หลักคือ ใช้รักษาโรคเนื้องอกมดลูกก่อนการผ่าตัด และใช้รักษาแบบเป็นคอร์สๆ สำหรับเนื้องอกมดลูกในคนไข้ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยยาสามารถหยุดเลือดประจำเดือนที่ออกมากได้ภายในสัปดาห์แรกของการรักษา และสามารถควบคุมการไหลของเลือดที่ผิดปกติได้มากกว่า 90 % เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถลดขนาดก้อนเนื้องอกมดลูกและคงขนาดก้อนเนื้องอกที่ลดลงหลังจบการรักษารวมถึงลดอาการปวดและอาการแสดงต่างๆ ได้อีกด้วย ทั้งยังพบผลข้างเคียงน้อยมาก โดยอาการที่มักพบคือ อาการปวดหัวและร้อนวูบวาบ แต่ไม่พบอาการข้างเคียงที่เป็นเหมือนภาวะวัยหมดประจำเดือนจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงหลักของยากลุ่มอื่น เช่น GnRH agonist”
“ส่วนการรักษาเป็นแบบคอร์สนั้น โดยแต่ละคอร์สมีระยะเวลา 12 สัปดาห์ การรับประทานยาก็จะเริ่มรับประทานภายในสัปดาห์แรกของการมีประจำเดือน จากนั้นเว้นระยะพักคอร์สเป็นระยะเวลา 2 รอบประจำเดือน และเริ่มรับประทานยาในคอร์สที่สองของการมีรอบเดือนครั้งที่สองหลังจากจบคอร์สการรักษาก่อนหน้านี้ ส่วนข้อควรที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาแอสเมียร์ ต้องดูว่าเป็นผู้ที่แพ้ตัวยาสำคัญหรือตัวยาไม่สำคัญอื่น ๆ หรือไม่ที่ใช้เป็นส่วนประกอบในยา รวมไปถึงสตรีระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีเลือดออกทางอวัยวะเพศที่ไม่ทราบสาเหตุหรือสาเหตุอื่นนอกเหนือจากเนื้องอกมดลูก และสำคัญที่สุดก็ตรงที่ห้ามใช้ในรายที่เป็นมะเร็งมดลูก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งเต้านม และห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับปกติ ดังนั้นหากตรวจพบเนื้องอกมดลูกยังไม่ควรวิตกกังวลจนเกินไปเพราะเนื้องอกมดลูกเป็นโรคที่ไม่อันตรายถึงชีวิต สามารถเฝ้าระวังการเจริญเติบโตของโรครวมถึงไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทุกรายและที่สำคัญคือปัจจุบันมียาที่สามารถรักษาให้หายได้ โดยควรเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางเท่านั้น” นายแพทย์บุญแสง วุฒิพันธุ์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี