ในปัจจุบันการตื่นตัวเรื่องของสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ช่วงเทศกาลกินเจถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ทุกคนจะได้มีโอกาสทำบุญ ชำระจิตใจให้สะอาด เพราะไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต และยังมีโอกาสดีในการถือศีล บำเพ็ญธรรมไปพร้อมกันด้วย เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติต่างมีความสุขทั้งทางกายและทางใจ
ข้อมูลจาก อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวชนักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา กรรมการมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผยว่า การกินเจตามธรรมเนียมนิยมแต่โบราณอย่างเคร่งครัดนั้น นอกจากจะต้องงดการบริโภคเนื้อสัตว์แล้วยังห้ามบริโภคผักที่มีกลิ่นฉุนบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม หลักเกียว(ลักษณะคล้ายกระเทียมแต่มีขนาดเล็กกว่า) กุยช่าย ใบยาสูบ เป็นต้น เพราะชาวเจเชื่อว่าผักที่มีกลิ่นฉุน จะเข้าไปทำลายธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย ส่งผลให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานไม่ปกติ การกินเจที่เคร่งมากจะไม่ใช้ภาชนะที่เคยใช้กับอาหารคาวมาก่อน ฉะนั้นหม้อ จาน ชาม และภาชนะอื่นๆ ที่ใช้ต้องเป็นของใหม่ที่ยังไม่เคยปนเปื้อนอาหารคาวมาก่อน หรือเป็นชุดที่ใช้กับอาหารเจโดยเฉพาะ
ส่วนผู้ที่กินเจเพื่อเป็นการรักษาสุขภาพหรือกินตามความนิยม อาจไม่จำเป็นต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดขนาดต้องซื้อถ้วย ชาม หรือเครื่องครัวใหม่ และในกรณีที่เจ็บป่วย การกินผักกลิ่นฉุนก็อนุโลมได้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่จะทำให้ผิดศีลหากใช้ผักเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรค ที่จริงแล้วผักเหล่านั้นมีสารพฤกษเคมีที่ช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทานและป้องกันมะเร็ง และมีองค์ประกอบเป็นยาอยู่แล้ว
แม้ว่าจะกินเจอย่างเคร่งครัด แต่ในระยะเวลาสั้น ก็ใช่ว่าจะทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายแต่อย่างไร เพราะในผัก ผลไม้และธัญพืชที่กินนั้น แต่ละชนิดก็ให้คุณค่าสารอาหารที่ต่างกันออกไป สำคัญตรงที่รู้จักเลือกกินอย่างถูกหลัก เพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วนและสมดุลเช่นกัน การผสมผสานของผักผลไม้เมล็ดธัญพืชจำพวก ข้าว ถั่วต่างๆ งา และถั่วเหลืองจะทำให้ได้รับสารอาหารอย่างหลากหลายเหมาะสมและได้โปรตีนที่สมบูรณ์ โดยเฉพาะถั่วเหลืองสำหรับชาวเจนั้นนับเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีไม่แพ้เนื้อสัตว์ และฮอร์โมนพืชในถั่วเหลืองคือสาร
ไอโซฟลาโวนส์ช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันมะเร็งในเต้านมอีกด้วย
อาหารเจอุดมไปด้วยธัญพืชไม่ขัดสีผักและผลไม้ ซึ่งมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากมาย เช่น วิตามิน แร่ธาตุสารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมี สารเฟลโวนอยด์และใยอาหาร
สารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ แคโรทีนอยด์วิตามินซี และวิตามินอี ช่วยลดอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ชะลอแก่ผลไม้ที่มีฤทธิ์ของการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ได้แก่ พรุน และบิลเบอร์รี่ หรือบลูเบอร์รี่
วิตามินที่มีมากในผักผลไม้ ได้แก่ เบต้าแคโรทีน ซึ่งถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอในร่างกาย วิตามินบี และวิตามินซี วิตามินบีที่สำคัญในผักผลไม้คือ โฟเลต ช่วยป้องกันโลหิตจาง ป้องกันการก่อตัวที่ผิดปกติของสมองในเด็กทารกขณะแม่ตั้งครรภ์ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงสมองเสื่อม วิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็กในพืช จึงช่วยลดความเสี่ยงโลหิตจางในชาวเจ แร่ธาตุที่มีมากในผักและผลไม้ คือ โพแทสเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และแคลเซียม
สารเฟลโวนอยด์ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการแข็งตัวของเกร็ดเลือดป้องกันโรคหัวใจ ผักผลไม้ที่มีสีม่วง หรือน้ำเงินเข้มเช่น บิลเบอร์รี่ หรือ บลูเบอร์รี่ มีสารแอนโธไซยานิดินส์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารเฟลโวนอยด์ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันความเสื่อมของตา
ใยอาหารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม ใยอาหารชนิดละลายน้ำช่วยลดคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาล ส่วนชนิดไม่ละลายน้ำช่วยป้องกันท้องผูก ผักผลไม้ที่มีใยอาหารทั้งสองประเภทสูง ได้แก่ พรุน ส้ม กล้วย ถั่วเหลือง ถั่วฝักยาว เป็นต้น
สำหรับวิตามินและแร่ธาตุหลายๆ ชนิดที่ชาวเจควรจะให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ขาดสารอาหารเหล่านี้ ได้แก่ ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 2 หรือไรโบเฟลวิน วิตามินบี 12 วิตามินดี สังกะสี
ชาวเจที่ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องอาหารคือ กลุ่มเด็กทารก เด็กที่กำลังเจริญเติบโต คนท้อง และหญิงให้นมบุตร อาหารที่กินควรจะจัดเมนูให้หลากหลายให้มีพลังงานเพียงพอและไม่ขาดสารอาหารที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรได้รับการเสริมสารอาหารให้เพียงพอเช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้อาหารมังสวิรัติ
อาหารเจถ้ากินให้ถูกวิธีก็สามารถทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนได้ กุญแจของการกินอาหารเจเพื่อสุขภาพ เช่นเดียวกับอาหารอื่นๆ ที่ไม่ใช่มังสวิรัติ คือการกินอาหารให้หลากหลายจากผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืชและถั่วต่างๆ ในขณะเดียวกันควรจำกัดอาหารที่มีไขมันสูงรวมทั้งอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงแต่อาหารเจมักจะรับวัฒนธรรมการปรุงแต่งมาจากอาหารจีน ซึ่งมีไขมันสูงได้แม้จะไม่มีคอเลสเตอรอล เพราะอาหารจีนมักจะใช้น้ำมันปริมาณมากในการปรุงอาหาร แม้จะเป็นน้ำมันพืชก็ตาม อาหารประเภททอดหรือผัดชนิดมันมากๆ และมีแป้งมีกะทิมากก็อาจจะทำให้อ้วนได้เช่นกัน วิธีการปรุงแบบไทยๆ เช่น ประเภทยำ ย่าง นึ่ง แกงส้ม ต้มยำ แกงป่า แกงอ่อม เมื่อนำมาดัดแปลง
ปรุงอาหารเจก็จะทำให้มีไขมันต่ำและไม่มีคอเลสเตอรอลได้
ชาวเจมักจะละเว้นเครื่องดื่มมึนเมาและบุหรี่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมผลจากอาหารเจต่อสุภาพให้ดียิ่งขึ้น และประการสำคัญคือ พยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นจี้กง ไท้เก็ก หรือการออกกำลังชนิดอื่นๆ ที่ชอบ ทำจิตใจให้แจ่มใสอย่าให้เครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
สุขภาพที่ดีเยี่ยมจะไม่หนีไปไหน
ช่วงกินเจควรใส่ใจดื่มน้ำให้มากพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะอาหารที่มีกากใยสูงต้องการน้ำในการทำงานหากดื่มน้ำไม่พออาจทำให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊ส ปวดท้องได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการกินเจอย่างถูกหลักจะทำให้เราได้รับอาหารที่มีคุณค่าในการดูแลสุขภาพ สดและสะอาด มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วนทำให้มีสุขภาพดีได้แต่สำหรับผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์มากๆ ถ้าจะหันมาลดเนื้อสัตว์และเพิ่มอาหารจากพืชผักผลไม้ให้มากขึ้น จะลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้ไม่ยาก ที่สำคัญยังได้บุญ จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ โดยถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีทั้งทางกายและทางใจ คนเป็นจำนวนมากอาจติดใจถึงขั้นกินเจกันไปตลอดเลยก็เป็นได้ไม่แน่คุณอาจจะเป็นหนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นก็ได้
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี