วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดตัวหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต 7 ปี 2 ปริญญา โดยเป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยยูซีแอล สหราชอาณาจักร และโรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยมาตรฐานการเรียนแพทย์แบบใหม่ในหลักสูตรการศึกษาตามมาตรฐานสากล พร้อมสร้างแพทย์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีทักษะวิชาชีพที่เป็นเลิศ ดูแลผู้ป่วยและครอบครัวอย่างเป็นองค์รวม รู้จักคิด ค้นคว้าสร้างองค์ความรู้ใหม่เพื่อพัฒนาสังคมและประเทศตามคุณลักษณะแพทย์ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์สนองพระปณิธานในศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และรักษาการอธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ได้กล่าวถึงการบูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตแนวใหม่ในครั้งนี้ว่า “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นสถาบันระดับโลกในด้านวิทยาศาสตร์ การค้นคว้าวิจัย การศึกษา และบริการทางสุขภาพ ภายใต้หลักปรัชญา “เป็นเลิศเพื่อทุกชีวิต” โดยมุ่งที่จะยกระดับการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพในประเทศไทย มีเป้าหมายเพื่อผลิตบัณฑิตทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพในสาขาที่ขาดแคลน สร้างบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะวิชาชีพที่เป็นเลิศ สามารถคิดค้นคว้านวัตกรรมองค์ความรู้ผ่านกระบวนการวิจัยที่เป็นมาตรฐานสากล พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์สาธารณสุข และสหเวชศาสตร์ด้วยเทคนิคการเรียนการสอนที่ทันสมัยทันต่อโลกยุคดิจิทัล พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดย ณ ปัจจุบันเรามี วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ภายใต้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่เป็นสถาบันการศึกษาวิจัยและการแพทย์ที่ผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพด้านต่างๆ ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข คณะพยาบาลศาสตร์ คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ คณะสัตวแพทยศาสตร์และสัตววิทยาประยุกต์ซึ่งเป็นคณะใหม่ล่าสุดที่จะเปิดรับสมัครนักศึกษาในปี 2563 นี้ เป็นปีแรก และยังมีโรงพยาบาลจุฬาภรณ์เป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย”
“สำหรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตแนวใหม่เกิดขึ้นจากพระวิสัยทัศน์และสายพระเนตรที่ยาวไกลใน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่ได้ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีลงพระนามและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้วยพระองค์เอง ซึ่งขณะนี้หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรใหม่ 7 ปี ของคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ผ่านการประเมินรับรองสถาบันและหลักสูตรตามมาตรฐานสากลตามเกณฑ์ WFME โดยสถาบันรับรองมาตรฐานการศึกษาแพทยศาสตร์ (สมพ.) และแพทยสภาเป็นที่เรียบร้อย”
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ ได้กล่าวเพิ่มเติม รายละเอียดของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตแนวใหม่ 7 ปี
2 ปริญญา ว่า“หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตหลักสูตรใหม่ พ.ศ.2563 คือการบูรณาการความร่วมมือระหว่างราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์กับมหาวิทยาลัยยูซีแอล สหราชอาณาจักร และเครือข่ายสถาบันการแพทย์ชั้นนำของประเทศ ได้แก่ โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นสถานฝึกปฏิบัติทางคลินิกหลักในหลักสูตรนี้โดยมีโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และโรงพยาบาลพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นโรงพยาบาลร่วมสอนโดยหลักสูตรได้พัฒนาทั้งวิธีการเรียนการสอน การประเมิน การติดตามผลที่มุ่งบูรณาการความรู้ ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เทคโนโลยี และคิดค้นคว้านวัตกรรมพร้อมโอกาสที่จะได้เข้าร่วมศึกษาและทำงานวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ณ มหาวิทยาลัยยูซีแอล สหราชอาณาจักร โดยได้ยกระดับหลักสูตรการเรียนการสอนสู่มาตรฐานสากลเพื่อการผลิตบัณฑิตแพทย์ที่มีศักยภาพขั้นสูง นักศึกษาแพทย์ที่ได้เข้ามาศึกษาในหลักสูตรนี้จะใช้ระยะเวลาเรียน 7 ปี และเมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พบ.) MD จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และปริญญา iBSc จากมหาวิทยาลัยยูซีแอล สหราชอาณาจักร”
ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง จิรายุ เอื้อวรากุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้กล่าวถึงความแตกต่างของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตแนวใหม่ ว่า“นักศึกษาจะได้รับการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการแพทย์รูปแบบใหม่ในหลักสูตรการศึกษาตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะแตกต่างจากหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตปกติ โดยหลักสูตรได้มีการจัดการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงในแนวราบของแต่ละชั้นปีเรียกว่า “Horizontal Modules” ซึ่งนักศึกษาจะได้เรียนรู้ด้วยการผสมผสานวิทยาศาสตร์พื้นฐาน และวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิกโดยนักศึกษาจะเริ่มเรียนรู้จากผู้ป่วย และฝึกปฏิบัติด้วยสถานการณ์จำลองการเป็นแพทย์ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 พร้อมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองในพื้นฐานทางคลินิก โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอน และการประเมินอย่างต่อเนื่องผ่านเทคโนโลยีการศึกษา รวมถึงการปูพื้นฐานให้นักศึกษาฝึกหัดค้นคว้าและรู้จักใช้ข้อมูลที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยอย่างเหมาะสมผ่านกระบวนการ Evidence basedpractice และหลักสูตรเน้นการประเมินผลแบบ Formative Assessment เพื่อการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษาแพทย์ในทุกรายวิชาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีทักษะวิชาชีพที่เป็นเลิศ และเป็นแพทย์ที่มีคุณธรรมจริยธรรมรวมทั้งนักศึกษาจะได้ฝึกคิดค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ ผ่านกระบวนการวิจัยตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 และได้เดินทางไปศึกษาและปฏิบัติเรียนรู้กระบวนการวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกณ มหาวิทยาลัยยูซีแอลสหราชอาณาจักร พร้อมกันนี้หลักสูตรใหม่ยังได้มุ่งเน้นการบูรณาการเรียนรู้ข้ามศาสตร์ครอบคลุมทุกสาขาตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 จนถึงปีที่ 7 โดยเชื่อมโยงการเรียนรู้ผ่าน “Vertical Modules” 6 คอลัมน์ เพื่อฝึกให้นักศึกษาแพทย์ได้คิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ รู้จักใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย และมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแบบเป็นองค์รวมและเป็นแพทย์ที่มีทักษะวิชาชีพที่เป็นเลิศ สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยและของโลก เพื่อสร้างแพทย์สมัยใหม่ที่มีคุณลักษณะเฉพาะในแบบของ CRA Doctor”
สำหรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรใหม่ พ.ศ.2563 ใช้ระยะเวลาศึกษา 7 ปี หรือ 14 ภาคการศึกษาระบบทวิภาคโดยแบ่งการเรียนการสอนออกเป็น3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1: Early years เรียนที่วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ระยะที่ 2: Research and Innovation ณ มหาวิทยาลัยยูซีแอล สหราชอาณาจักร และระยะที่ 3: Later years เป็นวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิกและการฝึกทักษะทางคลินิก ณ โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นสถานฝึกปฏิบัติทางคลินิกหลักของหลักสูตรและโรงพยาบาลสมทบในการเรียนการสอน ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และโรงพยาบาลพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด
ด้าน พลตำรวจโท วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับความร่วมมือระหว่างราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ร่วมลงนามจัดทำบันทึกข้อตกลงเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2561 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทรงพระกรุณาโปรถให้โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมสนับสนุนภารกิจ โดยจะเป็นสถานฝึกปฏิบัติทางคลินิกหลักของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรใหม่ พ.ศ.2563 ซึ่งเรามีความพร้อมโดยมีคณาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่พร้อมดูแลนักศึกษาอย่างอบอุ่นและมีคุณภาพ เพื่อสนองพระปณิธานในองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพงานแพทยศาสตรศึกษาให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มกำลังต่อไป”
ทั้งนี้หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตหลักสูตรใหม่คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์
เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะเปิดรับนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกในปีการศึกษา 2563 จำนวน 32 คน
ดังนั้นขอเชิญน้องๆ นักเรียน และผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม Open Day 2019 แนะนำหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรใหม่ของคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่พัฒนาร่วมกับ University College London(UCL) ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 นี้ ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 20 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ สามารถติดตามรายละเอียดการรับสมัครได้ทาง เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/MDPH.CRA และ www.pccms.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุขวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โทร. 02-1054669 ต่อ 8477, 8481, 8485 (ในวันและเวลาราชการ)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี