ประนัปดา พรประภา ต้อนรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมด้วย เรคก้า เซน, อาราธนา ชาเรน, วรนัยน์ วาณิชกะ, อารยา เอ ฮาร์เก็ต, วุฒิธร มิลินทจินดา
“ดราก้อนฟลาย 360” (Dragonfly 360) โครงการที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อต้องการรณรงค์ขับเคลื่อนสังคมไทย และสังคมเอเชียไปสู่ความเสมอภาคเท่าเทียมในเพศชายและเพศหญิง พร้อมสร้างแรงกระตุ้นให้เกิด “การเปลี่ยนแปลง” เพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับคนในสังคมสามารถทลายกรอบ และข้ามผ่านเรื่องราวที่กำลังเผชิญอยู่ไปสู่การใช้ชีวิตที่ถูกพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นอีกทั้งยังเป็นกระบอกเสียงให้ผู้หญิงทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลุกขึ้นมาพัฒนาและปฏิวัติตนเองให้ดีขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เริ่มต้นลงมือทำ สร้างการเปลี่ยนแปลง” เพื่อตอกย้ำ 5 แนวคิดหลักของการใช้ชีวิต ได้แก่ Be Financially Independent แนวคิดด้านการใช้ชีวิตที่มุ่งมั่นทำงานด้วยตนเองจนประสบความสำเร็จ และมีอิสรภาพทางด้านการเงิน, Be a Role Model แนวคิดเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่, Be Yourself แนวคิดที่เชื่อมั่นในความเป็นตัวเอง ไม่เดินตามกรอบที่สังคมขีดไว้, Be Educated แนวคิดที่ว่าการศึกษาไม่ควรถูกจำกัดด้วยเพศ ความรู้คือทรัพย์สินที่ทุกคนพึงมี และ Be the Change แนวคิด ที่ต้องการสร้างจุดเปลี่ยนให้แก่สังคม
ล่าสุดผู้ก่อตั้ง ประนัปดา พรประภา นักธุรกิจสาว จัดสุดยอดงานบรรยายครั้งยิ่งใหญ่“ดราก้อนฟลาย 360 ซัมมิท” (Dragonfly 360 Summit) โดยนำเสนอเรื่องราวหลากหลายรสชาติจากบรรดาเหล่าคนดังแถวหน้าของเมืองไทยและต่างประเทศที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และทางวัฒนธรรม โดยเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้น มักจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับวิธีคิดและวิถีการดำเนินชีวิตให้กับแต่ละบุคคลได้อยู่เสมอ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันก่อน
สิรินยา บิชอพ
ประนัปดา พรประภา กล่าวถึง การจัดงานครั้งนี้ว่า “ในวัยเด็กเรามักได้ยินคำพูดของผู้ใหญ่อยู่บ่อยครั้งว่าในทุกความสำเร็จของผู้ชายมักจะต้องมีผู้หญิงคอยอยู่เบื้องหลังเสมอและในสังคมส่วนใหญ่ก็มักจะบอกว่าเป็นผู้หญิงต้องไม่เก่งเกินกว่าผู้ชาย ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่แน่นอนเสมอไป เพราะศักยภาพนั้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล ประกอบเรื่องราวของบุคคลรอบตัวที่มักประสบปัญหาจากการถูกเอาเปรียบเพียงเพราะเป็นผู้หญิง เราก็เลยมีแนวคิดที่ต้องการจะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางความคิดเช่นนี้ไปสู่สังคมของความเสมอภาคทางเพศ และช่วยดึงศักยภาพภายในตัวผู้หญิงทุกคนออกมา งานครั้งนี้จึงเป็นการรวมตัวของเหล่าคนดังระดับโลกในเกือบทุกสาขาอาชีพและทุกเพศ ทุกวัย ที่ล้วนแต่ประสบความสำเร็จในด้านการดำเนินชีวิต เพราะพวกเขาต่างมีวิธีคิดที่น่าสนใจ และสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้อย่างเข้มแข็ง มาร่วมแชร์เรื่องราวที่จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงผลักดันในการพัฒนาชีวิตของตัวเองให้สามารถเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้”
เริ่มจาก เดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “คนส่วนมากคิดว่าการเมืองคือโลกผู้ชาย แต่สำหรับเราเรื่องเพศนั้นไม่ใช่อุปสรรค ประเทศเราเคยมีผู้นำเป็นผู้หญิง ในเยอรมนี ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ก็มี มันพิสูจน์ให้เห็นว่าในความเป็นผู้หญิงก็สามารถแบกรับความกดดันได้เช่นกัน และเพศไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานการเมืองเลย และเป้าหมายของการทำงานการเมืองก็คือผลงาน อยากให้คนมองที่ผลงานมากกว่ากายภาพภายนอก การแต่งกายของเรามันเป็นแค่เปลือกนอกซึ่งสำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ เราก้าวผ่านทุกอย่างมาได้ด้วยคำว่าสติเพราะเมื่อคุณเป็นคนของประชาชนแล้ว คุณจะเลี่ยงการเจอข่าวแย่ๆ ได้ยากมากซึ่งเราห้ามความคิดคนไม่ได้ เราจึงต้องมีสติ และคิดถึงเป้าหมายที่เราต้องการทำเอาไว้ อย่าให้คำพูด คนอื่นมาลดทอนและดึงเราลง”
แม็กกี้ คิว
ดารา-นางแบบ ซินดี้-สิรินยา บิชอพ เผยว่า“จากสถิติแล้วผู้หญิงหนึ่งในสามคนทั่วโลกล้วนเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศและทำร้ายร่างกาย และมักเกิดขึ้นโดยคนใกล้ตัว ซึ่งในเอเชียสถิติยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องการเป็นกระบอกเสียงที่อยากจะหยุดเรื่องราวเหล่านี้เพราะตัวเราเองก็เคยถูกล่วงละเมิดในช่วงเทศกาลสงกรานต์เมื่อตอนอายุ 17 ปี และมักเห็นข่าวเกี่ยวกับการห้ามไม่ให้ผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ช่วงสงกรานต์เพื่อไม่ให้ถูกลวนลาม ซึ่งเรารู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะเมื่อครั้งที่ถูกล่วงละเมิดก็แต่งตัวมิดชิด สังคมจึงไม่ควรประณามคนที่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อเพียงเพราะเขาแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่ความจริงแล้วมันเป็นเพราะการไม่รู้จักให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกันมากกว่า ดังนั้นเราจึงควรปลูกฝังให้สังคมตระหนักถึงสิ่งนี้”
สำหรับนักแสดงสาวชื่อดังระดับโลกแม็กกี้ คิว (Maggie Q) เล่าว่า “ผู้หญิงเอเชียมักถูกสอนมาให้อดทนรับกับความทุกข์ยาก ที่ไม่ยอมลุกขึ้นสู้และยืนหยัดด้วยตัวเอง อาจเป็นเพราะเสียงของผู้หญิงยังไม่ดังเท่าผู้ชาย ดังนั้นในฐานะที่เราทำงานตรงนี้จึงอยากสร้างแรงขับเคลื่อนให้ผู้หญิงทุกคนลุกขึ้นมาแสดงศักยภาพของตนเองออกมาให้ได้ ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเผชิญมันไม่ถูกต้องและไม่ยุติธรรม เพราะในความเป็นจริงไม่มีใครที่เหนือกว่าคุณ ไม่มีใครที่คุณต้องอิจฉา มีเพียงคนที่มีความเป็นผู้นำ และกล้าที่จะแสดงออกมาอย่างแข็งแกร่งเท่านั้นเอง”
สุนิตา คริสแนนท์
ด้านเหยื่อที่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศซึ่งผันตัวมาเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมชาวอินเดีย สุนิตา คริสแนนท์ (Sunitha Krishnan) เผยว่า “เราเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศเมื่อตอนอายุ 15 ปี หลังเหตุการณ์นั้นมีทางเลือกสองทางว่าจะเลือกเป็นเหยื่อที่ปิดบังความจริงไว้ หรือจะมีชีวิตรอดเพื่อสู้ต่อ แต่ทางเลือกทุกทางย่อมมีผลกับชีวิต แต่ถ้าเราเลือกที่จะเงียบ โดยที่ยังคงหาข้ออ้างที่จะไม่ลุกขึ้นสู้ ความเท่าเทียมบนโลกใบนี้คงไม่เกิดขึ้น เราไม่รู้ว่าจะสามารถเปลี่ยนโลกได้ไหม แต่ที่แน่ๆ เราสามารถเปลี่ยนโลกของเด็กผู้หญิงที่เคยถูกทารุณคนหนึ่งได้”
ซีย่า คู่แก้วเกษม (Sia Kukaewkasem) ผู้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว เล่าว่า “ในวัยเด็กมักเห็นแม่ถูกพ่อทำร้ายอยู่เสมอ และในวันที่แม่พยายามจะพาเราหนีแต่ถูกพ่อจับได้จึงลากแม่ไปทำร้ายอย่างหนัก เรารู้สึกแย่มากที่ไม่สามารถช่วยได้ แม่พยายามขอความช่วยเหลือจากญาติ แต่ทุกคนบอกว่าให้กลับไปหาพ่อ เพราะลูกต้องการพ่อ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ต้องถูกพ่อทำร้ายตลอดระยะเวลา 22 ปี เราจึงตัดสินใจทำงานเก็บเงินเพื่อจ้างทนายมาฟ้องร้องให้แม่ได้หย่ากับพ่อ ทุกคนควรหยุดความคิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องภายในบ้าน เพราะจริงๆ มันส่งผลกระทบต่อสังคม นี่เป็นเหตุผลที่เราอยากผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศและขจัดการแบ่งแยกออกจากสังคม”
ซีย่า คู่แก้วเกษม
สำหรับ มารินา มาฮาเตอ (Marina Mahathir) บุตรสาวของนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย เผยว่า “ประชาธิปไตยในสังคมควรเริ่มจากประชาธิปไตยในครอบครัว ดังนั้นกฎหมายย่อมมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการผลักดันพลังของผู้หญิง เพราะสิ่งนี้จะช่วยคุ้มครองเรื่องสิทธิภายในบ้าน และการได้รับสิทธิ์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้หญิงมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องพึ่งแต่สามีฝ่ายเดียวอยู่เสมอไป”
ร่วมติดตามกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง ในครั้งถัดไป ได้ทางเว็บไซต์ https://dragonfly360.co หรือทาง Facebook : Dragonfly360.co และ Instagram: Dragonfly360.co
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี