ใกล้ช่วงสิ้นปีเริ่มจะมีงานเลี้ยงเพิ่มขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่ไปเที่ยวสังสรรค์กันอย่างต่อเนื่อง ในงานเลี้ยงต่างๆ ที่ขาดไม่ได้คือ อาหารที่มี เนื้อสัตว์มาก ไขมันสูง ขนมเค้ก ขนมหวานเครื่องดื่ม น้ำอัดลม ชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งการสูบบุหรี่และพักผ่อนน้อย เป็นที่มาของการอ่อนเพลียและสุขภาพเสื่อมโทรมลง ที่สำคัญคนส่วนใหญ่มักมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นอย่างมากหลังเทศกาลดังกล่าว อาจเป็นที่มาของการมีน้ำหนักเกินจากเกณฑ์มาตรฐาน จนเกิด โรคอ้วนลงพุง หรือ Metabolic Syndrome ซึ่งโรคนี้เป็นกลุ่มปัจจัยเสี่ยงทางเมตาบอลิก ประกอบด้วย อ้วนลงพุง (ไขมันในช่องท้องมากเกิน) ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (ไตรกลีเซอไรด์สูง,เอชดีแอลคอเลสเตอรอลต่ำ และแอลดีแอลคอเลสเตอรอลสูง) ความดันโลหิตสูง ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงเบาหวาน เป็นต้น ซึ่งเราสามารถวางแผนการรับประทานอาหารด้วยการควบคุมน้ำหนัก ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ถูกชนิด ปริมาณ และถูกเวลา รวมทั้งเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น
ที่ผ่านมามีอาหารลดน้ำหนักเกิดขึ้นมากมายทุกปี แต่เมื่อพิจารณาถึงอาหารลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไขมันต่ำและคาร์โบไฮเดรตต่ำซึ่งงานวิจัยพบว่า เมื่อการวิจัยสิ้นสุด อาหารทั้งสองชนิดให้ผลเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก ระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลที่ลดลง
ข้อมูลจาก อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพ(สหรัฐอเมริกา) กรรมการบริหาร มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผยว่า นักวิจัยนอกจากจะต้องการเปรียบเทียบอาหารไขมันต่ำและอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ(low carb) ยังต้องการศึกษาถึงพันธุกรรมและองค์ประกอบในร่างกายที่มีอิทธิพลต่อชนิดของอาหารที่คนเรารับประทาน งานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่า ความแตกต่างของลำดับเบสของดีเอ็นเออาจจะบอกให้รู้ว่า บางคนอาจจะลดน้ำหนักได้ดีกับอาหารไขมันต่ำ การศึกษาอื่นที่รายงานออกมาชี้ให้เห็นว่าผู้ที่ความไวต่ออินซูลินอาจจะใช้อาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำได้ดีในการลดน้ำหนัก
มีงานวิจัย DIETPITS (Diet Intervention Examing The FactorsInteracting with Treatment Success) เป็นการวิจัยในคนที่น้ำหนักเกินหรืออ้วนที่มีสุขภาพดี609 คน โดยอาสาสมัครที่อยู่ในโครงการได้ตลอดทั้งปีมีจำนวน 481 คน ในเดือนแรกให้ทุกคนปฏิบัติตัวตามปกติและ 8 สัปดาห์ถัดมา อาสาสมัครถูกแบ่งเป็น
2 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มที่กินอาหารไขมันต่ำและลดการกินไขมันรวมลงวันละ 20 กรัม รวมทั้ง (2) กลุ่มที่กินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำและลดคาร์โบไฮเดรตลงเหลือวันละ 20 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มโยเกิร์ตมีคาร์บ 26 กรัม ดาร์กช็อกโกแลตแท่งมีไขมัน 21 กรัม ฉะนั้นถ้าอาสาสมัครคิดจะกินเพียงครึ่งเดียวก็ยากที่จะคงน้ำหนักตัวได้ในระยะยาว อาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่มได้รับคำแนะนำให้เติมไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตทีละน้อยอย่างช้าๆ จนกว่าจะถึงจุดที่สามารถคงน้ำหนักได้ตลอดไป โดยให้ปฏิบัติตัวดังนี้
● กินผักให้มากเท่าที่จะทำได้
● เลือกอาหารจากธรรมชาติที่มีสารอาหารสูง หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
● ทำอาหารกินเองที่บ้าน
● เลี่ยงไขมันทรานส์ อาหารที่เติมน้ำตาล และอาหารคาร์โบไฮเดรตที่ทำจากแป้งขัดสี
ในการวิจัยครั้งนี้ไม่มีการนับแคลอรี และอาสาสมัครได้รับความรู้ในการคงน้ำหนัก 22 ครั้ง อาสาสมัครทุกคนสามารถติดต่อกับผู้ให้ความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ การตั้งเป้าหมาย การพัฒนาวินัยตัวเองที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ และการใช้ social support network ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปสู่พฤติกรรมการกินอย่างผิดๆ นอกจากนี้อาสาสมัครทั้งสองกลุ่มจะต้องออกกำลังกายแบบแอโรบิคขนาดกลางสัปดาห์ละ 150 นาที
ผลการวิจัยพบว่ามีความแตกต่างของทั้งสองกลุ่มน้อยมาก และอาสาสมัครกินอาหารลดลงจากเดิมวันละ 500-600 แคลอรีน้ำหนักลดลงเฉลี่ย 12 ปอนด์ (5.4 กก.) ใน 1 ปี และพันธุกรรมไม่ได้ส่งผลแตกต่างกันในทั้ง 2 กลุ่ม สิ่งที่แตกต่างคือค่า LDL-c ลดลงมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่กินอาหารไขมันต่ำ และ ค่า HDL-c ในกลุ่มที่กินอาหารคาร์บต่ำมีค่าสูงกว่ากลุ่มที่กินอาหารไขมันต่ำอย่างมีนัยสำคัญ
การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ย่อมให้ผลดีกว่าการใช้ fad diet ในการลดน้ำหนัก เพราะอาหารทั้ง 2 ชนิดนั้นในการวิจัยต่างก็เป็นอาหารสุขภาพ
อาหารที่ดีที่สุด คืออาหารที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีซึ่งเราควรจะมุ่งไปที่อาหารที่มีคุณภาพสูง อาหารจากธรรมชาติซึ่งส่วนใหญ่มาจากผัก ผลไม้ เลี่ยงอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมันทรานส์ และอาหารแปรรูป ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ สำหรับคนส่วนใหญ่การมีไลฟ์สไตล์ที่ดีย่อมหมายถึงการจัดการความเครียดที่ดีและการลดปัญหาการกินตามอารมณ์ซึ่งจะนำไปสู่พฤติกรรมการกินที่ไม่ดีที่ไม่ช่วยในการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเกินแบบถาวร มูลนิธิคุณแม่คุณภาพจะเปิดคอร์สอบรม “การลดน้ำหนักแบบบูรณาการสู่การปฏิบัติได้จริง” โดยผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของประเทศ อาทิ ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ นพ.เสฎฐวุฒิ งามเมธิชัยวงศ์ นพ.วชิระ คุณาธาทร รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี และ อ.ดร.สุเมธ คันชิง เป็นต้น ในวันที่ 23-24พ.ย. นี้ ผู้สนใจดูรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/pg/DDseminarThai หรือ 085-8250222
ผศ.(พิเศษ) ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี